เมื่อวันที่ 4 ม.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อาจยังมีต่อเนื่องภายหลังจากเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ 2565 จึงได้สั่งการให้สถานศึกษาทุกสังกัดคุมเข้มเรื่องมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ในสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประสานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและ โรงเรียน ทั่วประเทศให้ช่วยกันคัดกรองนักเรียนหรือผู้ปกครองที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดของโรคสูง ก่อนที่จะเปิดทำการเรียนการสอนแล้ว ส่วนการเปิดทำการเรียนการสอนยังสถานศึกษานั้นให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการประเมินสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสถานศึกษาครั้งนี้ ถือว่าทำได้ดีกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากมีการถอนบทเรียนจากครั้งที่ผ่านมา รวมถึง นักเรียนส่วนอายุ 11-18 ปีก็ได้รับวัคซีนเป็นจำนวนมากแล้ว ส่วนนักเรียนที่อายุระหว่าง 5-11 ปี กลุ่มแรกก็คาดว่าจะได้รับภายในเดือน ม.ค.นี้ แต่ทั้งนี้นักเรียนกลุ่มดังกล่าวต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองด้วย  

“ครั้งนี้ก็ถือว่าเรามีบทเรียนจากครั้งที่ผ่านๆมา ที่ต้องมีการปิดสถานศึกษาทั้งหมด แต่ครั้งนี้ความรุนแรงอาจลดลง รวมถึงนักเรียนเราก็ได้รับวัคซีนกันเป็นจำนวนมากแล้ว ครั้งนี้ก็คงไม่ต้องมีการปิดสถานศึกษาทั้งหมดเหมือนที่ผ่านมา โดยให้ดูเป็นรายกรณีไป เช่น กรณีโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่มีจำนวนนักเรียนจำนวนมาก ก็อาจมีการสลับวันมาเรียน หรือปิด ส่วนโรงเรียนที่มีขนาดเล็กไม่ถึง 120 คน หรือ โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล ที่สามารถบริหารจัดการได้ ก็ไม่จำเป็นต้องปิด ส่วนในเรื่องคุณภาพนั้น เรามีการพัฒนาไปมากขึ้น ในแพลตฟอร์มต่างๆที่หลากหลาย ทำให้นักเรียนเข้าถึงการศึกษามากขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน” รมว.ศธ.กล่าวและว่า ส่วนสถานศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการสั่งปิดสถานศึกษานั้น เป็นความกังวลเรื่องการแพร่กระจายของโรคและถือเป็นการควบคุมไม่ให้กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการพิจารณา