สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันอังคาร เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ ว่าสถิติในระยะหลังบ่งชี้ว่า อัตราการครองเตียงของผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ “ไม่ได้ฉีดวัคซีน”


ผู้นำสหรัฐกล่าวต่อไปว่า ยังไม่มีพื้นที่แห่งใดในประเทศนี้ที่ปลอดภัยจากโควิด-19 แม้แต่ทำเนียบขาวก็ใช่ว่าจะปลอดเชื้อ เขาจึงขอให้ประชาชนฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ผู้ที่ยังไม่ได้รับแม้แต่เข็มเดียวขอให้มีเข็มแรกและตามด้วยเข็มที่สองจนครบ และเมื่อฉีดครบในเบื้องต้นแล้ว ขอให้มีเข็มกระตุ้น

ปัจจุบัน ประมาณ 73.3% ของประชากรในสหรัฐ ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม และประมาณ 62% ได้รับวัคซีนอย่างน้อยสองเข็ม เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามสถิติของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ( ซีดีซี )


ขณะเดียวกัน ไบเดนประกาศการสั่งซื้อยารักษาโควิด-19 “แพกซ์โลวิด” ของไฟเซอร์ เพิ่มจาก 10 ล้านชุด เป็น 20 ล้านชุด เพื่อรับมือกับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ โอมิครอน


ด้านไฟเซอร์ยืนยันคำสั่งซื้อเพิ่มเติมของรัฐบาลวอชิงตัน ระบุว่า ยาแพกซ์โลวิดอีก 10 ล้านชุดที่มีการสั่งเพิ่มเติม จะได้รับภายในเดือนก.ย.นี้ โดยไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเรื่องราคา แต่มีรายงานว่า สำหรับยาแพกซ์โลวิด 10 ล้านชุดแรก รัฐบาลไบเดนจ่ายเงินไปประมาณ 5,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 175,466.65 ล้านบาท )


ถ้อยแถลงของไบเดนเกิดขึ้น หลังมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาของสหรัฐ 1,082,549 คน ในรอบ 24 ชั่วโมงของเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นสถิติรายวันสูงสุดทั้งระดับประเทศและระดับโลก.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES