เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่กรมการแพทย์ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงมาตรการด้านการแพทย์รองรับสถานการณ์โควิด-19 ว่า ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ซึ่งทำงานร่วมกันได้รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิดขึ้นเร็วมาก และมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ พบสัญญาณราว ๆ วันที่ 10 ม.ค. กราฟค่อนข้างชัน เป็นระลอกที่ 5

“ขณะนี้เข้าสู่การระบาดระลอกใหม่แล้ว เพราะยังมียอดตรวจ ATK เป็นบวก 3,000 กว่าราย วันนี้ที่กลัวคือจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนน้อย อย่างไรก็ตามเชื้อโอมิครอนยืนยันว่าอาการไม่มาก โดยจากการรักษาคนติดโอมิครอนในไทย 100 ราย มี 7 คนเชื้อลงปอด แต่ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่ต้องใส่ออกซิเจนไฮโฟลว์ ส่วนใหญ่พบไอ 54% เจ็บคอ 37% มีไข้ 29% ปวดกล้ามเนื้อ 15% มีน้ำมูก 12% ปวดศีรษะ 10% หายใจลำบาก 5% ได้กลิ่นลดลง 2% พบครึ่งหนึ่งมีอาการ ครึ่งหนึ่งไม่มีอาการ ดังนั้นจากนี้การตรวจวัดไข้ก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ นั้นไม่ได้ผลแล้ว ขอให้คัดกรองอย่างอื่นด้วย นอกจากนี้ อาการของผู้ติดเชื้อโอมิครอนแยกได้ยากกับโรคหวัดทั่วไป ดังนั้นใครที่มีอาการหวัดขอให้ตรวจ ATK และไม่พบปะผู้อื่น” อธิบดีกรมการแพทย์ย้ำ

นพ.สมศักดิ์ ชี้แจงว่ายืนยันยาฟาวิพิราเวียร์มีประสิทธิภาพ รักษาโรคโควิดสายพันธุ์อื่นๆ โดยคนเริ่มมีอาการได้รับยา 3 วันอาการดีขึ้น ทั้งนี้ หากตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นไปตามที่กรมควบคุมโรคคาดการณ์ ในกรณีหนักสุดติดเชื้อวันละ 30,000 รายนั้นยังรับไหว ซึ่งขณะนี้เราเตรียมเตียงดูแลผู้ติดเชื้อทุกระดับ 52,300 เตียง โดยในรอบนี้จะเน้นการรักษาที่บ้าน (Home Isolation) และศูนย์ดูแลในชุมชน (Community Isolation) และประสานเข้าระบบผ่าน 1330 ซึ่งจะดำเนินการจับคู่ รพ.ให้ และประเมินอาการควรอยู่ที่บ้านหรือส่งต่อรักษาใน รพ. รับประกันภายใน 6 ชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ หากคลินิกไหนทำไม่ได้จะดำเนินการถอดออกจากระบบการดูแล แต่หากอาการหนักให้โทร. 1669 เพื่อรับส่งต่อรักษาใน รพ. ขณะนี้ นพ.เกียรติถูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตรียมศูนย์ประสานงานในทุกจังหวัดไว้แล้ว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ารอบนี้จะเกิดการระบาดในเด็กเยอะ เพราะเด็กยังไม่ได้ฉีดวัคซีน แต่ย้ำว่าเด็กติดได้แต่อาการไม่รุนแรง หากไม่มีโรคประจำตัวขณะนี้มีการประสาน กทม.ให้มีการจัดทำเตียง ศูนย์ดูแลในชุมชน สำหรับเด็กและครอบครัวเอาไว้ 6 โซน โซนละ 1 แห่ง แห่งละอย่างน้อย 50 เตียง และ 1 ห้องเด็กอยู่ร่วมกัน 3-4 คน มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมได้ พร้อมทั้งมอบสถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินี ในการเตรียมยาน้ำฟาวิพิราเวียร์สำหรับเด็กทั่วประเทศ โดย รพ.แต่ละแห่งสามารถทำได้เอง ไม่ต้องสำรอง พร้อมทั้งจัดหมอเด็กเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้ด้วย นอกจากนี้ยังเตรียมศูนย์ดูแลในชุมชนสำหรับแรงงานต่างด้าวด้วย โซนละ 1 แห่ง แห่งละประมาณ 100 เตียง

เมื่อถามว่าขณะนี้มีประชาชนบางคนเริ่มสบายใจกับเชื้อโอมิครอน จึงละเลยที่จะป้องกันตัวเอง และไม่ยอมฉีดวัคซีน นพ.สมศักดิ์กล่าวว่า ต้องย้ำว่าที่ผ่านมายังมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเชื้อโอมิครอน ดังนั้นปัจจัยของการติดเชื้อและการระบาดมี 3 อย่างคือ คน, เชื้อ และสิ่งแวดล้อม หากคนที่อายุไม่มากไม่มีอาการอาจไม่เป็นอะไร แต่โรคนี้เป็นโรคทางสังคมอาจนำเชื้อไปแพร่สู่กลุ่มเปราะบางและเสี่ยงอาการรุนแรงเสียชีวิตได้ ที่สำคัญมีรายงานแม้เป็นคนแข็งแรง หากไม่ดูแลตัวเอง ไม่ฉีดวัคซีนจะไม่มีภูมิป้องกัน เมื่อรับเชื้อในปริมาณมากๆ ทำเสียชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันตัวเองดีที่สุด.