เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่อาคาร 1 ชั้น 1 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) น.ส.เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา หรือเอสเธอร์ นักแสดงสาว พร้อมด้วยแฟนหนุ่ม นายภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค หรือเคน เดินทางมาพบตำรวจ PCT เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ช่วยติดตามกลุ่มคนร้าย ซึ่งเชื่อว่าได้หลอกลวงว่าจ้างให้ เอสเตอร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ แพลตฟอร์มการซื้อสินค้าออนไลน์ ชื่อ spell ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่เข้าข่ายการหลอกลวงประชาชน เนื่องจากพบพิรุธหลายอย่าง ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ PCT ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการกองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 เป็นผู้แทน ในการรับเรื่องร้องเรียนครั้งนี้

น.ส.เอสเธอร์ กล่าวว่า เนื่องจากตนได้รับว่าจ้างให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแอพพลิเคชั่น Spell และมีหลายๆ ท่านได้รับความเสียหายจากแอปพลิเคชั่นดังกล่าว โดยได้รับการร้องเรียนผ่านมาทางคุณแม่ ทำให้ตนรู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งน่าจะมีอะไรผิดปกติ จึงได้ดำเนินการติดต่อไปทางผู้ที่ประสานงานมา แต่สุดท้ายบุคคลที่ติดต่อประสานงานได้หายตัวไป ที่สำคัญทางเราไม่มีช่องทางการติดต่อกับบุคคลท่านนั้นได้เลย จึงได้ร่างสัญญาบอกเลิกการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผ่านทางที่อยู่ของบริษัท และเป็นเหตุให้ต้องเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เท่าที่ได้รับการร้องเรียนทราบว่าผู้ที่ลงทุนกับแอพพลิเคชั่นดังกล่าว โดนปิดบัญชี ไม่สามารถถอนเงินออกได้ สำหรับงานนี้ตนเข้ามารับเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เดือน ก.ค.2564 ก่อนรับงานทางตนได้รับแจ้งแค่ว่าเป็นแอพพลิเคชั่น ขายของทางออนไลน์ ซึ่งทางตนได้มีการตรวจสอบในระดับหนึ่ง ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือ ตนได้เซ็นสัญญาไป 1 ปี และได้ยกเลิกสัญญาไปเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ถ่ายทำงานทุกอย่างเป็นไปตามกกระบวนการที่ถูกต้อง แต่เริ่มรู้สึกผิดปกติเมื่อมีหลายๆ คนเข้ามาคอมเพลน

น.ส.เอสเธอร์ กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวตนไม่สบายใจอย่างมาก เพราะคาดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นอย่างนี้ อาจจะเป็นเพราะเราตรวจสอบได้ไม่ถี่ถ้วนมากพอ ทั้งที่ตนเข้มงวดเรื่องการรับงานแล้ว จึงอยากจะเตือนพี่น้องในวงการ ถ้ามีงานอะไรที่ติดต่อมาแล้วไม่แน่ใจจริงๆ สามารถเข้ามาติดต่อตรวจสอบข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ หรือโทรฯ มาที่เบอร์ 1599 สำหรับตนถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ใหญ่มากๆ

ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า สำหรับกรณีดังกล่าวมูลค่าความเสียหาย ยังพิจารณาเป็นตัวเงินไม่ได้ เพราะเพิ่งจะมีการเข้ามาแจ้งความ ส่วนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะมีการรับคำร้องทุกข์ของคดีนี้ไว้ก่อน จากนั้นจะตรวจสอบการเปิดบริษัท การเข้าไปสู่แอพพลิเคชั่น และตรวจสอบว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีนี้บาง มีการโอนเงินเข้าออกอย่างไร ขอเรียนว่าถ้าอยากให้การดำเนินการทางคดีเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าว ขอให้เข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับ แอปพลิเคชัน Spell ซึ่งมีการทำงานผ่านเว็บไซด์ www.firshop.com คือ แอพพลิเคชั่นขายสินค้าที่มีราคาขายต่ำกว่าท้องตลาดถึง 30-80% แต่มีข้อกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าหาสมาชิกที่ต้องการลงทุน ซึ่งเรียกว่าการหั่นราคา สมัครและโอนเงินลงทุนเข้าสู่ระบบ โดยอ้างว่าสมาชิกที่ลงเงินหั่นราคา เท่าราคาสินค้าของผู้ซื้อ คือผู้ลงทุน และจะได้เงินต้นดังกล่าวคืนพร้อมปันผล 10-20% เมื่อครบกำหนดเวลาที่ระบบกำหนด ซึ่งในระยะแรกมีการดำเนินการและแบ่งปันผลได้จริง เพื่อเพิ่มความน่าเขื่อถือ ซึ่งวิธีการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ดังกล่าว เป็นเพียงการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นอุบายในการชักชวนให้หาสมาชิกเพิ่มเพื่อให้มีจำนวนเงินเข้าระบบมากขึ้น จากนั้นจะนำเงินจากสมาชิกลูกข่าย มาจ่ายปันผลให้กับสมาชิกต้นทาง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการประกอบการธุรกิจที่มีผลกำไรอยู่จริง ซึ่งมีรูปแบบแผนคล้ายกับระบบแชร์ลูกโซ่

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา อีกทั้งมีความห่วงใยประชาชนที่อาจหลงกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพ รวมถึงกลุ่มดารา นักแสดง ที่อาจหลงกลตกเป็นเครื่องมือของการกระทำความผิด จึงขอประชาสัมพันธ์มายังประชาชน ให้โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจต่างๆ ควรมีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะในเรื่องของการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงิน การลงทุน หวังผลกำไรระยะสั้น หากท่านใดมีข้อร้องเรียนหรือต้องการแจ้งความร้องทุกข์ สามารถติดต่อ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศูนย์ PCT) สายด่วน 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสายตรง 08-1866-3000 เฉพาะเวลาราชการ