เมื่อวันที่ 9 ม.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงตามที่มีราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 41) โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 65 เป็นต้นไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่สามารถแพร่กระจายได้เร็วและติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น จึงได้กำชับทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองบ.ตร. ลงไปกำกับดูแล พร้อมกำชับการปฏิบัติของทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้อง โดยให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ สร้างการรับรู้ มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ตามแนวทางของ ศบค. และตามประกาศ คำสั่งของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด รวมถึงการออกตรวจสอบ กวดขัน สถานประกอบการ ร้านค้า ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง ประกาศ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ๆ อย่างเคร่งครัด ตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 41) โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
ทั้งนี้มีสาระสำคัญด้วยกัน 6 ด้าน คือ 1.การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามที่ ศบค. กำหนด 2.การขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรคโดยให้ดำเนินการต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2565 3.การปรับปรุงมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว โดยการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้เฉพาะในร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวและเป็นร้านที่ผ่านการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข(Amazing Thailand Safety and Health Administration) ในระดับ SHA PLUS ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ผ่านการตรวจมาตรฐานความสะอาดปลอดภัยป้องกันโรค COVID-19 รองรับสุขภาพดีวิถีใหม่ (Thai Stop Covid 2 Plus ) ของกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัยเท่านั้น โดยเปิดบริการได้ไม่เกินเวลา 21.00 น.

4.การเตรียมความพร้อมของสถานบริการ หรือสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรคทั่วราชอาณาจักรซึ่งยังคงมีความจำเป็นให้ปิดสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์คาราโอเกะ หากผู้ประกอบการประสงค์จะปรับรูปแบบของสถานที่ดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมตามมาตรการด้านสาธารณสุข จะต้องได้รับการตรวจสอบและประเมินความพร้อมของสถานที่และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แล้วแต่กรณี ภายในวันที่ 15 มกราคม 2565 ก่อนเปิดให้บริการได้ภายใต้การกำกับติดตามของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด 5.การปรับแนวปฎิบัติเพื่อการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเพิ่มเติม ตามที่ ศบค. กำหนด 6.การยกระดับการปฎิบัติงานเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นต้น
รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้กำชับให้ทุกหน่วยในพื้นที่เกี่ยวข้องประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ ออกตรวจสอบสถานประกอบการ แหล่งมั่วสุม หรือสถานที่มีประชาชนแออัดจำนวนมาก หากพบการฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ กำชับตำรวจทุกนายห้ามมีส่วนข้องเกี่ยวกับการกระทำความผิดทุกรูปแบบไม่ว่าจะโดยตรง หรือทางอ้อม หากตรวจสอบพบว่าพื้นที่ใดปล่อยปละละเลย หรือหย่อนยานจะพิจารณาดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกระดับต่อไปไม่มีข้อยกเว้น รวมถึงให้ทุกหน่วยกำหนดแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดที่เหมาะสม ในรูปแบบ Work From Home ที่ไม่กระทบกับการให้บริการ การอำนวยความยุติธรรม และภารกิจที่เกี่ยวข้อง สำหรับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือ หรือแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สามารถโทรมายังหมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง