เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ร้านอู๋แซ่บเว่อร์ ร้านขายอาหารอีสาน ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นายเชาวลิต เหล่าสมบัติ พ่อค้าร้านส้มตำ กล่าวว่า ที่ร้านตนเองใช้มะละกอวันละ 20 กก. จากการที่สินค้าขึ้นราคามาตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ทำให้มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะที่ร้านของตนขายอาหารอีสานประเภทส้มตำ ที่มีส่วนประกอบหลักอย่างมะละกอ ที่ตอนนี้ราคาขยับพุ่งขึ้นไปถึง ถุงละ 280 บาท อีกทั้งส่วนประกอบ ที่ใส่ในส้มตำก็เพิ่มขึ้นทุกอย่าง ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่ทางร้านก็ยังไม่เพิ่มราคา เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ ส่วนเมนูหมูบางเมนูต้องเลิกขาย เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว

โดยราคามะละกอดิบถุงละ 10 กิโลกรัม จากเคยซื้อถุงละ 150-160 บาท ตอนนี้ราคาถุงละ 280 บาท  มะเขือเทศจากเดิม 30 บาท ก็ปรับขึ้นเป็น 60 บาท วัตถุดิบทั้ง พริก ถั่วฝักยาว ส่วนประกอบทุกอย่างขึ้นราคาประมาณ 10-20 บาท ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ตอนนี้ยังคงราคาเดิม เพื่อไม่ให้กระทบฐานลูกค้า โดยราคาส้มตำจะเริ่มต้นที่ 35 บาท มีเมนูประเภท ตำไทย ตำลาว ตำซั่ว จะลดมะเขือเทศใส่ลงไปในส้มตำเหลือเพียง 1-2 ลูกเท่านั้น

อย่างไรก็ตามก่อนหน้าที่หมูแพง ก็ได้หยุดขายเมนูหมูไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเมนูหมูน้ำตก เมนูหมูกรอบ และต้มแซ่บกระดูกหมู ยังคงไว้แค่เมนูหมูทอดกระเทียม ซึ่งได้มีการปรับราคาจากจานละ 79 บาท เป็น 99 บาท พร้อมกับมีการตกแต่งจานให้ดูน่ากินสมราคา ซึ่งลูกค้าที่มาก็เข้าใจ ทั้งนี้ต้องรอดูสถานการณ์ก่อนว่า ราคาวัตถุดิบจะมีการปรับราคาอีกหรือไม่  หากราคายังพุ่งสูงขึ้นก็อาจจะต้องลดปริมาณลง แต่ก็ต้องมีการติดป้ายแจ้งลูกค้าก่อน เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา หากปรับราคาขึ้นก็กลัวว่าลูกค้าจะหาย

ขณะที่แม่ค้าขายผักในตลาดเกษตร อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า มะละกอปรับตัวเพิ่มราคาขึ้นสูงมาก เมื่อปีที่ผ่านมามะละกอ กก.ละ 30-40 บาท กระทั่งช่วงปีหลังปีใหม่ปี 65 มะละกอเริ่มปรับราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในราคา 180-280 บาท มะเขือเทศ กะหล่ำ ก็ปรับราคาเพิ่มอีกเรื่อยๆ ตนเองมียอดขายลดลง จากที่ลูกค้าเคยซื้อมะละกอ 10 กก. ก็จะลดลงเหลือเพียง 5 กก.