เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจเฟซบุ๊ก Siriraj Institute of Clinical Research ของศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับรายละเอียดผลการวิจัยเบื้องต้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันชนิด PVNT50 ต่อสายพันธุ์โอมิครอน โดยระบุข้อความว่า
“ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช เผยผลการวิจัยเบื้องต้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันชนิด PVNT50 ต่อสายพันธุ์โอมิครอน
Sinovac: หลังฉีดซิโนแวคสองเข็มมาแล้ว 12 สัปดาห์ เมื่อกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย
- วัคซีนแอสตราเซเนกา จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=170
- วัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโด๊ส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=551
- วัคซีนไฟเซอร์เต็มโด๊ส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=543
AstraZeneca: หลังฉีดแอสตราฯ สองเข็มมาแล้ว 12 สัปดาห์ เมื่อกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย
- วัคซีนแอสตราเซเนกา จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=3
- วัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโด๊ส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=232
- วัคซีนไฟเซอร์เต็มโด๊ส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=521
การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันชนิด PVNT50 ต่อสายพันธุ์โอมิครอน ในวัคซีนสูตรไขว้
Sinovac-AstraZeneca: หลังฉีดซิโนแวคเข็มที่ 1 และฉีดแอสตราเซเนกาเข็มที่ 2 มาแล้ว 12 สัปดาห์ เมื่อกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย
- วัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโด๊ส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=204
- วัคซีนไฟเซอร์เต็มโด๊ส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=150
สรุป หลังฉีดวัคซีนสองเข็มไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม
- ควรกระตุ้นวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้น สำหรับป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน
- กระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 ทั้งครึ่งโด๊สและเต็มโด๊ส ให้ระดับภูมิคุ้มกันได้ดีต่อสายพันธุ์โอมิครอน
- หากได้แอสตราเซเนกามาแล้วสองเข็ม ควรกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์เท่านั้น”..
ขอบคุณข้อมูล : Siriraj Institute of Clinical Research