ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับการขนานนามว่าเป็นพื้นที่ “อีสานภาคกลาง” เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณเขตเงาฝน หรือ Rain Shadow ทำให้ในแต่ละปีมีปริมาณฝนตกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 800-1,000 มิลลิเมตรต่อปี ในขณะที่ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของประเทศไทยอยู่ที่ 1,467 มิลลิเมตรต่อปี และพื้นดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย ทำให้เก็บน้ำไม่อยู่ เวลาที่ฝนตกลงมาก็จะซึมหายลงไปใต้ดิน ไม่สามารถก่อสร้างฝายหรืออ่างเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในพื้นที่ได้ นอกจากนี้บริเวณดังกล่าวก็ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน มีเพียงลำห้วยเล็กๆที่จะมีน้ำไหลในช่วงฤดูฝนเท่านั้น ดังนั้นในช่วงหน้าแล้งของทุกปีชาวบ้านจะเดือดร้อนเรื่องน้ำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำกินน้ำใช้ ส่วนเรื่องน้ำเพื่อการเกษตรก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะน้ำจะกินจะใช้ยังไม่มี ต้องไปเข้าคิวรอกรอกน้ำจากบ่อน้ำบาดาล ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่จุด ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องชาวบ้านตำบลหนองฝ้าย ทำให้ต้องพึ่งตนเองด้วยการซื้อน้ำจากภาคเอกชน ทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือนจำนวนหลายพันบาทต่อเดือน

ที่ผ่านมาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องน้ำให้กับชาวบ้าน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะการขุดสระไว้เก็บน้ำจะมีน้ำเพียงหน้าฝน พอถึงหน้าแล้งน้ำในสระก็แห้ง อีกทั้งยังมีตะกอนขุ่นข้น และคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจากสารพิษจากปุ๋ย ยาฆ่าหญ้า และยาฆ่าแมลง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของตำบลหนองฝ้ายมีการปลูกอ้อยเป็นส่วนมาก ทำให้มีการใช้สารเคมี กันอย่างเข้มข้นในพื้นที่ ดังนั้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงทำได้เพียงบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในเบื้องต้นเท่านั้น และยังต้องแบกรับค่าน้ำมันในการบรรทุกน้ำไปส่งให้ชาวบ้าน และค่าไฟฟ้าในการสูบน้ำจากบ่อน้ำบาดาล ซึ่งในแต่ละปีคิดเป็นเงินงบประมาณหลายแสนบาทต่อปี รัฐบาลโดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการ น้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน จึงมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งการให้ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่เพื่อหาทางนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อสำรวจค้นหาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยใช้เทคนิคและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการค้นหาแหล่งน้ำบาดาลระดับลึก เริ่มจากการสำรวจธรณีวิทยา ธรณีโครงสร้าง และธรณีฟิสิกส์ เพื่อหาแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล พบว่าบริเวณดังกล่าวมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่เหมาะสมที่จะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาล โดยมีลักษณะเหมือนแอ่งน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีความกว้าง 6 กิโลเมตร ยาว 12 กิโลเมตร ซ่อนอยู่ใต้ดิน จึงได้เจาะสำรวจที่ความลึก 200 เมตร พบว่ามีชั้นกรวดทรายที่มี น้ำบาดาลกักเก็บอยู่ จำนวน 5 ชั้น พร้อมก่อสร้างบ่อน้ำบาดาลขนาด 8 นิ้ว ที่ความลึก 200 เมตร จำนวน 1 บ่อ เพื่อใช้เป็นบ่อทดลอง จากนั้นจึงสูบทดสอบปริมาณน้ำเป็นระยะเวลา 72 ชั่วโมง พบว่าสามารถสูบน้ำบาดาล ได้อย่างต่อเนื่องในปริมาณ 40 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และส่งตัวอย่างน้ำเพื่อทำการวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ในห้องปฏิบัติการของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งผลวิเคราะห์คุณภาพน้ำบ่งชี้ว่า น้ำบาดาลบริเวณดังกล่าว มีคุณสมบัติเป็นน้ำแร่ มีปริมาณสารละลายมวลรวม 440 มิลลิกรัมต่อลิตร ค่า pH 7.2 มีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย คือ แคลเซียม 96 มิลลิกรัมต่อลิตร แมกนีเซียม 26 มิลลิกรัมต่อลิตร โซเดียม 15 มิลลิกรัมต่อลิตร โพแทสเซียม 7.3 มิลลิกรัมต่อลิตร สังกะสี 15 มิลลิกรัมต่อลิตร และไม่พบโลหะหนัก รวมถึงไม่พบเชื้อโรคหรือแบคทีเรีย หรือสารที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงได้ขยายผลโดยการเจาะบ่อน้ำบาดาลเพิ่มในบริเวณดังกล่าวอีกจำนวน 9 บ่อ รวมเป็น 10 บ่อ เพื่อใช้เป็นบ่อผลิตหรือบ่อสูบน้ำ จำนวน 8 บ่อ และบ่อสังเกตการณ์เพื่อใช้ในการติดตามระดับน้ำและคุณภาพน้ำ จำนวน 2 บ่อ ต่อมากรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ส่งตัวอย่างน้ำบาดาลให้สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) ตรวจสอบและวิเคราะห์เพื่อหาค่าอายุของน้ำบาดาล ผลปรากฏว่า น้ำบาดาลในพื้นที่ตำบลหนองฝ้ายมีอายุถึง 7,530 ปี จึงทำให้มั่นใจว่าแหล่งน้ำบาดาลบริเวณนี้เป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติ ที่สะอาด สามารถดื่มได้ และมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ อีกทั้งยังมีอายุสูงถึง 7,530 ปี รับรองว่าบริสุทธิ์ ไร้สิ่งเจือปนแน่นอน

ดังนั้น กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจึงได้ก่อสร้างระบบประปาขนาดใหญ่ โดยมีถังเก็บน้ำ ขนาด 2,000 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 ถัง และถังรักษาแรงดัน ขนาด 300 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 2 ถัง พร้อมท่อกระจายน้ำหรือท่อประธาน เพื่อส่งน้ำให้กับพี่น้องประชาชนชาวตำบลหนองฝ้ายทั้งตำบลสามารถมีน้ำแร่ธรรมชาติไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ทั้งนี้ มีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งสิ้นเกือบ 6,000 คน หรือ 1,900 ครัวเรือน และยังขยายผลส่งน้ำไปให้พื้นที่เกษตรกรรมได้รับประโยชน์อีกกว่า 3,000 ไร่ ปัจจุบันนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งการให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรีสำรวจ ออกแบบ วางท่อกระจายน้ำจากตำบลหนองฝ้ายไปยังตำบลอื่นๆ อีก เพื่อให้ครอบคลุมทั้งอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว