สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่า สำนักงานตำรวจกรุงบรัสเซลส์รายงานว่า ประชาชนประมาณ 50,000 คน รวมตัวกันตามท้องถนนในเขตใจกลางเมืองหลวง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว

ควันจากแก๊สน้ำตาและการฉีดน้ำของเจ้าหน้าที่ เพื่อควบคุมสถานการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ในกรุงบรัสเซลส์


บรรยากาศในช่วงเริ่มต้นของการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์บานปลายกลายเป็นการปะทะอย่างดุเดือด ระหว่างเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนกับผู้ประท้วงบางส่วน ซึ่งบุกรุกเข้าไปภายในพื้นที่ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ สหภาพยุโรป ( อียู ) และมีการทำร้านขายแซนด์วิชแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้กัน โดยตำรวจยิงทั้งแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อควบคุมสถานการณ์ มีการจับกุมผู้ประท้วงมากกว่า 60 คน

ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งทำลายประตูทางเข้าสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรป ( อียู ) ในกรุงบรัสเซลส์


นอกจากนี้ หน่วยกู้ภัยนำตัวตำรวจ 3 นาย และผู้ประท้วงอีก 12 คน ส่งโรงพยาบาลด้วย เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ ขณะที่นายโฮเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวขอบคุณการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายในเวลาไม่นาน


ปัจจุบัน เบลเยียมกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นระลอกที่ 5 มีผู้ป่วยสะสมเกือบ 2.7 ล้านคน และเสียชีวิตแล้ว 28,780 ราย แม้นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ เดอ โกร ผ่อนคลายมาตรการบางส่วน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้นำเบลเยียมกล่าวว่า ประชาชนต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภายในเวลา 5 เดือน เพื่อรักษาสถานะของบัตรผ่านวัคซีน สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนไม่น้อย ว่าเป็นการบังคับ


ทั้งนี้ 89% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในเบลเยียมได้รับวัคซีนแล้วสองเข็ม และ 67% ได้รับวัคซีนบูสเตอร์แล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES