วันอังคารที่ 25 ม.ค. สำนักงานควบคุมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของอังกฤษประกาศรับรองยาซึ่งผลิตโดยบริษัทเมิร์กและริดจ์แบ็ค เธราพิวทิคส์ ยาต้านไวรัสดังกล่าวผลิตออกมาตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว และทางการอังกฤษก็ได้ตั้งกรณีศึกษาระดับชาติเพื่อค้นหาวิธีใช้ยานี้ให้ได้ผลมากที่สุด 

กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่า แม้จะมีผู้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการทดลอง 4,500 รายแล้ว แต่กรณีศึกษานี้ก็ยังต้องผู้ร่วมทดลองอีกหลายพันคนเพื่อรวบรวมข้อมูลที่จำเป็น

กรณีศึกษาดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Panoramic’ จัดขึ้นเพื่อประเมินว่าควรใช้ยาต้านไวรัสอย่างไรในประชากรทั่วไปที่รับวัคซีนแล้ว หลังจากที่มีการทดลองใช้กับกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกไปแล้ว

“ยาต้านไวรัสคือตัวเสริมที่สำคัญในการรับมือกับโรคโควิด-19 ของเรา” เอ็ดดี้ เกรย์ ประธานของหน่วยวิจัยยาต้านไวรัสของอังกฤษกล่าว 

“การจัดหาคนมาลงทะเบียนในกรณีศึกษานี้นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงเป็นการทำเพื่อปกป้องกลุ่มเปราะบางในปัจจุบัน แต่เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถใช้ยาเหล่านี้ได้กับคนกลุ่มใหญ่กว่านี้ให้ได้เร็วที่สุด”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันกล่าวว่า เขาจะยกเลิกมาตรการบังคับการสวมหน้ากากอนามัย แนวทางแนะนำให้ทำงานที่บ้านและการบังคับใช้บัตรผ่านของผู้ที่รับวัคซีนแล้วในอังกฤษ โดยอ้างเหตุผลว่าอังกฤษได้จัดซื้อยาต้านไวรัสและเริ่มมีการให้วัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้ว รวมถึงอาการป่วยที่ไม่รุนแรงมากนักของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทางการได้จัดซื้อยาจำนวน 2.23 ล้านชุดจากบริษัทเมิร์ค และยาต้านไวรัสอีก 2.75 ล้านชุดซึ่งพัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้มีการนำออกมาใช้โดยทั่วไป

ผลจากการใช้ยาของบริษัทเมิร์คแสดงให้เห็นว่าสามารถลดอัตราการตายและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยได้ราว 30% จากการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่เพิ่งมีอาการป่วยได้ไม่นาน

รัฐบาลอังกฤษแจ้งว่าประชาชนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีและคนที่มีโรคประจำตัวซึ่งมีผลการตรวจแบบ PCR ว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือใครก็ตามที่มีอาการเข้าข่ายว่าเป็นอาการป่วยจากโรคโควิด-19 ในช่วง 5 วันที่ผ่านมาสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการทดลองในกรณีศึกษา Panoramic ได้

เครดิตภาพ : Reuters