เมื่อวันที่ 19 ก.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับผู้บริหารระดับของของ ศธ.ว่า ศธ.มีความห่วงใยและอยากสร้างขวัญกำลังใจ รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยตนมีข้อสั่งการให้โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน  233 แห่ง และสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) 6 แห่งทั่วประเทศ ได้ปรับพื้นที่สถานศึกษาให้เป็นโรงพยาบาลสนามรองรับประชาชนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดสีแดงเข้มที่ขณะนี้สถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อยังวิกฤติหนักอยู่ โดยในส่วนของ ศธ.จึงหวังที่จะเป็นหน่วยงานที่จะช่วยเหลือและบรรเทาภาระภาครัฐได้อีกทางหนึ่ง โดยจะประสานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการตรวจสอบมาตรฐานการใช้งานให้เหมาะสมต่อไป โดยขณะนี้ได้มอบให้ สพฐ.จัดประกาศแจ้งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รับทราบแล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าจะรองรับผู้ติดเชื้อได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามการใช้สถานศึกษาจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามนั้น จะขอความเห็นจากชุมชนรอบสถานศึกษาด้วย เพื่อสร้างความสบายใจให้เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับมาตรการลดภาระผู้ปกครองและนักเรียนในส่วนของค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าเทอมนั้น ขณะนี้ ศธ.อยู่ระหว่างการหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้วางแผนจัดโครงการแพ็กเกจที่เหมาะสมไว้แล้ว ซึ่งจะมีการประกาศให้ผู้ปกครองรับทราบในเร็วๆ นี้ โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 20 ก.ค.ตนจะรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแนวทางในเบื้องต้นก่อน ส่วนมาตรการการควบคุมการแพร่รระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ของ ศบค.ชุดใหญ่ที่ยืนยันการล็อกดาวน์และขอความร่วมมือหน่วยงานรัฐและเอกชน Work Form Home แบบ 100% นั้น ได้มอบหมายให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ.จัดทำประกาศให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของ ศธ.ทุกคนปฏิบัติตามาตรการของ ศบค.โดยให้ Work Form Home ขั้นสูงสุด

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ศธ 04001/ว3378 ถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต และผู้อำนวยการสำนักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษ เรื่องการอนุญาตให้ใช้อาคารสถานที่ในสถานศึกษาในสังกัดเป็นโรงพยาบาลสนาม โดยในหนังสือฉบับดังกล่าวระบุว่า เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น ทำให้โรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามในแต่ละพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการรักษา ดังนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนและสังคมจึงขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสำนักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษได้แจ้งให้สถานศึกษาในสังกัดพิจารณา ดังนี้ 1. กรณีที่อาคารสถานที่ที่ไม่ได้ใช้งานในการจัดการเรียนการสอนแล้ว เช่น สถานศึกษายุบรวมให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อพิจารณาอนุญาตให้ใช้เป็นอาคารสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนาม 2. กรณีที่สถานศึกษาไม่ได้ใช้ในการจัดการเรียนแบบออนไซต์ (On site) เมื่อมีคำร้องขอใช้อาคารสถานที่ในสถานศึกษาเป็นโรงพยาบาลสนาม ให้ผู้อำนวยการสถานศึกษาประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อพิจารณาอนุญาตให้ใช้เป็นอาคารสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนาม ทั้งนี้ขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต และสำนักงานบริหารงานการศึกษาพิเศษรายงานการขออนุญาตให้ใช้อาคารสถานที่เป็นโรงพยาบาลสนามให้ สพฐ.ได้ทราบต่อไป