สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกินชาซา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ( ดีอาร์คองโก ) เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่า ศาลทหารในกรุงกินชาซา มีคำพิพากษา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ให้จำเลย 51 คน รับโทษประหารชีวิต ฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารโหดเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) 2 คน คือ น.ส.ไซดา คาตาลัน ชาวสวีดิชเชื้อสายชิลี และนายไมเคิล ชาร์ป ชาวอเมริกัน


อย่างไรก็ตาม การตัดสินโทษครั้งนี้ของศาล เป็นการพิพากษาลับหลังจำเลย 22 คนซึ่งยังคงหลบหนี และการที่ดีอาร์คองโกลงนามในมติว่าด้วย “การหยุดพักการใช้บทลงโทษประหารชีวิต” ของสมัชชาสหประชาชาติ ( ยูเอ็นจีเอ ) เมื่อปี 2546 หมายความว่า บทลงโทษประหารชีวิตจะกลายเป็นการรับโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยปริยาย


ทั้งนี้ คาตาลันและชาร์ปลงพื้นที่ในภูมิภาคคาร์ไซ ทางตอนกลางของดีอาร์คองโก เมื่อเดือน มี.ค. 2560 เพื่อสอบสวนการสู้รบระหว่างกองทัพดีอาร์คองโกกับกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ หลังจากนั้นมีผู้พบศพของทั้งสองคน ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2560 หรือประมาณ 16 วัน หลังมีการยืนยันการหายสาบสูญ โดยศพของคาตาลันอยู่ในสภาพไม่มีศีรษะ


เหตุการณ์ดังกล่าวเรียกเสียงประณามอย่างหนักจากยูเอ็น และรัฐบาลของนานาประเทศ ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลดีอาร์คองโกจับกุมตัวผู้กระทำผิดมารับโทษให้ได้ เบื้องต้น ทางการดีอาร์คองโกกล่าวหากลุ่มติดอาวุธท้องถิ่นชื่อ “คามูอินา เอ็นซาปู” อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุอุกอาจครั้งนี้ แต่ต่อมาจับกุมทหารยศพันเอกนายหนึ่ง และเจ้าหน้าที่รัฐอีกหลายคน ฐานสมคบคิดกับกลุ่มคามูอินา เอ็นซาปู โดยศาลพิพากษาให้ทหารนายนี้รับโทษจำคุก 10 ปี ในข้อหาเป็นผู้จัดหาอาวุธ


ด้านนางแอน ลินด์ รมว.การต่างประเทศสวีเดน กล่าวว่า การเสียชีวิตของคาตาลันและชาร์ป “ยังคงมีเงื่อนงำอีกมาก” และขอให้รัฐบาลดีอาร์คองโกร่วมมือกับคณะทำงานเฉพาะกิจของยูเอ็นในเรื่องนี้ด้วย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES