เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ชมรมทนายความจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายสหรัช ยิ่งตระกูล อายุ 28 ปี อาชีพค้าขาย พร้อมด้วยนายนิฐิพงศ์ ยิ้มศิริ อายุ 34 ปี เดินทางเข้ามาร้องขอความเป็นธรรม จากนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา ว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ​ สภ.เมืองนนทบุรี รวมทั้งหมด 6 นาย ตบหน้า ล็อกแขนและคอ จนแขนซ้ายหัก โดยแจ้งข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ ทั้งที่ไม่ได้ต่อสู้และหนีการจับกุมจากเจ้าหน้าที่

โดยได้นำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพวันที่ 25 ม.ค. 65 เวลา 23.55 น. ซึ่งเป็นนาทีขณะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี จำนวน 6 นาย ทำการรุมจับ โดยการตบหน้า ล็อกคอและแขน จนกระทั่งแขนซ้ายขอหักในที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายสหรัช ส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา

นายสหรัช กล่าวว่า วันที่ 25 ม.ค. 65 เวลา 23.30 น. ตนกับหลานชื่อนายนัฐพงษ์ ยิ่งตระกูล อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นผู้พิการทางสติปัญญา ประเภท 5 ได้ขี่​ จยย.มาซื้อลูกชิ้นทอดที่ตลาดสมบัติเพื่อเตรียมไว้สำหรับขาย หลังจากที่ซื้อลูกชิ้นเสร็จ ตนกับหลานก็ขี่​ จยย.กลับบ้านปกติ ขณะที่ตนขี่​ จยย.ถึงหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนพิบูลสงคราม อ.เมืองนนทบุรี ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไล่ล่าขี่​ จยย.มาตีคู่และเรียกตนกับหลานให้ลงจากรถ จากนั้นก็ขอตรวจค้นตัวและรถ​ จยย. รวมทั้งตรวจปัสสาวะ ตนก็ยินยอมให้ตรวจค้น แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับหลานกับตนไปแยกตรวจปัสสาวะ ซึ่งตนเป็นห่วงหลานเพราะหลานถามตอบไม่ค่อยรู้เรื่อง เนื่องจากมีความพิการทางสมองจึงบอกให้ตำรวจเอาหลานกับตนมาตรวจพร้อมกันใกล้ๆ ทางตำรวจก็ไม่ยอมและยืนรุมกัน 3-4 คน​ ถามชื่อหลานของตน หลานตนก็ตอบไม่ได้ โดยผลการตรวจค้นก็ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย เว้นแต่รถ​ จยย.ของตนไม่ติดป้ายทะเบียน แต่ป้ายทะเบียนกับเล่มทะเบียนอยู่ใต้เบาะรถ จากนั้นตำรวจก็ขอตรวจบัตรประชาชน แต่ตนลืมไม่ได้เอาบัตรประชาชนมา เนื่องจากแค่ขี่รถจยย.มาซื้อลูกชิ้นทอดกับหลาน

จากนั้นตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยตัวตนแล้วจึงเดินไปขึ้น​ จยย.เพื่อจะขี่กลับบ้าน แต่กลับถูกตำรวจรุมจับตบหน้าล็อกแขนและล็อกคอจับตนกดลงกับพื้นจนทำให้แขนหัก จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 คน​ ตะโกนบอกว่า แขนมันหักแล้ว ตำรวจทุกคนจึงหยุดและเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวตนส่งโรงพยาบาล ทางหมอก็รักษาและเอกซเรย์​ ปรากฏว่าแขนซ้ายตนหัก หลังจากที่ออกจาก รพ.ตำรวจ ก็พาไปที่ สภ.เมืองนนทบุรี​ ไปทำสำนวนว่าตนขัดคำสั่งเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ และต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ คืนนั้นตนนอนห้องขัง 1 คืน เช้าวันต่อมาตนก็ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดนนทบุรีเพื่อเสียค่าปรับ ตอนนี้ตนรู้สึกแย่มากทำงานก็ไม่ได้ เนื่องจากแขนเจ็บขายของลำบาก แม่ก็ป่วยช่วยเหลือตังเองก็ยังไม่ได้

นายนิฐิพงศ์ แฟนหนุ่ม กล่าวว่า ตนได้สอบถามแฟนของตัวเองบอกว่าไม่ได้ขัด​ ขืนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและไม่ได้ต่อสู้ แต่ตนยังไม่เชื่อแฟนจนไปได้ภาพจากกล้องวงจรปิด พอเห็นภาพคนมองว่า ตำรวจ ทำเกินกว่าเหตุ แค่พอดีไม่ได้พกบัตรประชาชนและไม่แสดงใบขับขี่ ถึงขนาดทำกันจนแขนหัก ตนคิดว่ามันเกินไป ในคลิปตนดูแล้วมีถึงขั้นลงไม้ลงมือมีต่อยมีเตะแฟนของตนไม่ได้ขัดขืน ขอให้ตรวจปัสสาวะก็ให้ความร่วมมือเดินไปตรวจ ให้ไปยืนตรงไหนก็ไปยืนตรงนั้น แต่สิ่งที่ตำรวจทำมันเกินไป ตนได้ติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 รอบ รอบแรกติดต่อกับทางผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี ตนบอกกับผู้กำกับว่าตนยอมรับผิดที่คนของเราไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนและก็ไม่ได้พกบัตรประชาชน ถามตนยอมเสียค่าปรับ ทางผู้กำกับบอกว่ามันเกินไปจริงๆ แต่ขอสอบถามเหตุการณ์จากทางลูกน้องก่อนแล้วค่อยเจรจาเรื่องค่ารักษาพยาบาล แต่เรื่องกฎหมายต้องไปเสียค่าปรับให้เรียบร้อย ทางตำรวจได้นำตัวแฟนส่งศาล ทางตนได้ไปเสียค่าปรับ

หลังจากนั้นตนได้ไปที่เกิดเหตุแล้วไปเอาคลิปวงจรปิด พอเห็นภาพจากกล้องวงจรปิด แฟนของตนไม่ได้ทำอะไรเลย ก็เลยโทรฯ​ กลับไปหาผู้กำกับอีก 1 รอบ ทางผู้กำกับนัดเจอตอน 16.30 น. มีลูกน้องของทางผู้กำกับมาคุย เขาถามประโยคแรกเลยว่าจ่ายค่าปรับหรือยัง เพราะตนบอกจ่ายแล้ว เขาบอกว่าคุณจ่ายค่าปรับแล้วแสดงว่าคุณผิด คุณยอมรับผิดแล้วว่าคุณขัดขืนเจ้าหน้าที่ แต่จริงๆ แล้วตนเตรียมเงินไปประกันแล้วบอกกับแฟนว่าให้ปฏิเสธตั้งแต่ชั้นศาล ไม่อย่างนั้นเขาจะหาว่าเราผิด เป็นอย่างที่เขาบอกพอรับสารภาพกลายเป็นเราผิดผผ​นี้​นี้​รีเลย ก่อนรับสารภาพแฟนของตนอยู่ใต้ถุนศาลโทรมาบอกว่า ปฏิเสธไม่ได้ ต้องรับสารภาพ เสียค่าปรับอย่างเดียว ตนก็เลยกลัวให้เขารับสารภาพ เนื่องจากแขนบวมมากเพื่อจะเอาตัวไปหาหมอที่โรงพยาบาล ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ ตำรวจยังบอกอีกว่าต่อให้แจ้งความก็ไม่ได้เป็นการทำร้ายร่างกายเนื่องจากไม่มีบาดแผล ไม่มีรอยเขียวรอยช้ำ แต่จริงๆ ไม่ต้องรับผิดชอบก็ได้ เนื่องจาก ทางตำรวจไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ ทำไปตามหน้าที่ ตนเลยบอกว่า มันมีคลิปนะ เขาก็บอกว่าเขาก็มีคลิปเหมือนกัน เรากลับมาบ้านแล้วเรามาคิดดูก่อน เลยตัดสินใจว่ามันเกินไป แฟนของตนต้องมารักษาตัวเอง เสียค่าใช้จ่ายเอง จะกี่เดือนถึงจะหาย ตั้งกี่รายแล้วที่โดนแบบนี้ วันนี้ต้นมาปรึกษาทนายโป้งว่ามีช่องโหว่ตรงไหน ตนมาปรึกษาเพื่อขอความเป็นธรรม ตนคิดว่า ตำรวจมาทำแบบนี้ได้หรอทำจนแขนหัก อยากให้รื้อฟื้นคดีที่บอกว่าขัดขืนแล้วตนไปเสียค่าปรับล​นต​ติ​ณงมาได้ยังไงว่าขัดขืน

ด้านทนายโป้ง กล่าวว่า จากที่สอบถามจากผู้เสียหายที่เข้ามาร้องเรียนเบื้องต้น จะพาไปพูดคุยเพื่อคัดถ่ายสำนวนที่ศาลแขวงนนทบุรี เพราะไม่มีหลักฐาน สำเนาฟ้องก็ไม่ได้มา เอกสารก็ไม่มี ในการนี้จะทำการช่วยเหลือในชั้นอุทธรณ์ในการพิจารณาคดีใหม่ เพราะพึ่งได้กล้องวงจรปิดมาในการส่งฟ้องใหม่ ถ้าเสร็จที่ศาลแขวงแล้วจะพาไปพบกับผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อจะสอบถามและหารือว่าจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งผู้เสียหายสามารถแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่อยู่ในคลิป เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ และทำร้ายร่างกายให้เป็นเหตุได้รับอันตราย จะสาหัสหรือไม่จะต้องให้ร้อยเวรส่งตรวจ ถ้าตรวจแล้วต้องรักษาเกิน 20 วัน จะเข้าข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเกินกว่าเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ถ้าเจ้าหน้าที่ชุดนี้รู้ว่าผิดให้ออกมารับผิดชอบและเยียวยาผู้เสียหาย ส่วนรถของผู้เสียหายที่ไม่ติดทะเบียน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเป็นข้อหาแค่การปรับเป็นการปรับที่โรงพักได้เลย ส่วนเรื่องยึดรถต้องไปหาข้อมูลอีกที แต่ต้องไปดูที่กล้องวงจรปิดและทุกอย่างจะตัดสินได้เอง.