เมื่อวันที่ 4 ก.พ. “สมปอง นครไธสง” หรืออดีตพระมหาสมปอง ได้ไลฟ์สดชี้แจงหลังถูก “ติ๋ม ทีวีพูล” แถลงข่าวขอตัดขาด โดยอดีตพระคนดังระบุว่า เรื่องที่เข้าไปอยู่ที่บ้าน เริ่มจากตอนที่เป็นพระเคยเข้าไปถ่ายที่บ้าน มีการพูดคุยกัน ก็ชักชวนมาอยู่ที่บ้าน มีทั้งบ้านและออฟฟิศ ก็รู้สึกว่าโชคดีได้มีที่อยู่ จะบอกว่าขอก็คงไม่ขอ แค่พูดคุยเสนอมา อาจจะมีวาสนาได้อยู่เพียงแค่เดือนเดียว

เรื่องที่สองคือเรื่องเสื้อผ้า 8 หมื่นกว่าบาท ผมก็ไม่ได้มีเสื้อผ้าสำรอง เป็นพระอ่ะเนอะ ก็อาจจะมีเสื้อจากลูกศิษย์ลูกหา เอามาแขวนเอามาประมูลบ้าง ก็ไม่ได้รู้เรื่องราคาเสื้อผ้าอะไร ก็ได้ไลฟ์ขอบคุณต่างๆ พอรู้แค่ว่าบางราคามีราคาแพง ก็บอกแค่ว่าเลือกเสื้อผ้า เลือกสีให้ผม เพราะไม่รู้ว่าอะไรเหมาะกับตัวเอง ขึ้นกับทีมงานจัดหาเลือกมาให้ ตัวเองไม่ได้ยึดติดยี่ห้อ ใส่อะไรก็ได้ ถ้าให้เลือกก็คงใส่ชุดฟุตบอล

เรื่องหนี้สิน เรื่องนี้เราพูดตลอดทั้งที่ทีมงานบอกว่าไม่ให้พูด แต่เราเมื่อเป็นหนี้ใครก็ต้องใช้หนี้ ถ้าพูดเรื่องเงินก็ต้องแน่นอน เพราะเราต้องเอาเงินไปใช้หนี้ ผมอยากทำงาน ทำอะไรให้เขาก่อนแล้วค่อยให้เงินให้ทองมา แต่เมื่อเป็นหนี้ก้อนใหญ่ขนาดนั้น ผมไม่อยากให้ใครมาใช้หนี้ให้ผม แต่ผมอยากทำงานใช้หนี้เอง ซึ่งก็เป็นความจริงเรื่องงวดแรก 1 ล้านบาท และผมก็เพิ่งทราบว่ามีการโอนเงินไปใช้หนี้เลย เพิ่งรู้ว่าเงินก้อนนั้นใช้หนี้ไปเลย “ขอเรียนให้ทราบว่าพี่สาวท่านนั้นไม่ได้ใช้หนี้ให้ผม เป็นเงินทำงาน แต่ถ้าผมยังทำงานไม่ครบก็แชตไปหาท่านเลย ส่วนเรื่องงาน เอาตามที่พี่บอกได้เลยครับ จ่ายเป็นงานๆ ตามสมควรที่เราจะตกลงกัน เป็นงานเป็นครั้งๆ ไป ส่วน 1 ล้านบาทนั้นค่อยหักค่าตัวผมตามเรตปัจจุบันก็ได้ครับ” สำหรับเรื่องคบเพื่อนคบคน ผมขออนุญาตตัดสินใจเอง แต่ผมจะเลือกคบคนดี มีน้ำใจ รักผม หวังดีกับผมอย่างแน่นอนครับ

“ที่ผมทำงานหนักไม่ใช่ว่าผมหิวเงินครับ ผมทำงาน ทำประโยชน์ให้ก่อน เหมาะสมกับความเหนื่อยของผม กับความทุ่มเทของผม แล้วผมก็เอาไปใช้หนี้หรือทีมงานของผม ซึ่งไม่ทิ้งใครสักคน” หลายๆ คนอาจจะฟังแล้วคิดว่าผมโลภ บวชมา 30 ปีไม่ได้ช่วยอะไร ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่บวชเรียน เพราะบวชแล้วก็ไม่ได้อะไร สิ่งที่ผมเรียนมาก็ไม่ได้ทำให้ผมรวยอะไร เมื่อมีหนี้ก็ต้องรับผิดชอบ

เรื่องสัญญา เราก็คุยกันไปมาก็มาให้เซ็น ก็เซ็นจริง มีการถ่ายซิทคอม ตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงตี 2 เสียงแหบ เราก็รู้สึกว่าเมื่อทำงานให้ใครก็ต้องทำอย่างเต็มที่ แต่พอเสียงแหบพลังมันก็หมด รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวผม บางงานก็มีคนที่ทำได้ดีกว่าผม ผมเพียงแค่ยืนแล้วพูดเล็กน้อย เขาจะมาเสียค่าตัวให้ผมทำไม ในเมื่อเราทำงานให้เขาไม่คุ้ม ควรจะให้คนที่เขาคล่องกว่าทำ ผมก็คุยกับคุณแต้ (ลูกชาย ติ๋ม ทีวีพูล) ก็ขอคุยว่าวันที่ถ่ายมันถี่ไป รายการแบบเดียวกันเยอะไป หรือหนังสือจะเป็นรายปักษ์ไหม ก็มีการลดหย่อนเวลากันลงมา ก็พูดคุยเปลี่ยนแปลงสัญญามา แต่ผมยังไม่ได้เซ็น “ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องค่าตัวอย่างแน่นอน ยึดตัวเนื้องานที่รับมาเป็นหลัก ไม่ได้หิวเงิน แต่เป็นเรื่องของความไหว ไม่ไหวของผมด้วย ย้ำผมไม่ได้หิวเงินขนาดนั้น ผมจะได้เงินเมื่อมีงาน ไม่ได้มีใครใช้หนี้ให้ผม ผมทำงาน ให้คืนเป็นเงินหรือเป็นเงินก็ได้”

ส่วนประเด็นที่ข้อกังขาว่าเข้าไปแวดวงสีเทานั้น ขอยืนยันว่ายาเสพติด บุหรี่ก็ยังไม่สูบเลย เรื่องตู้ไวน์ที่เห็นบอกเลยว่ามันอร่อยตรงไหน รู้สึกว่าเป็นน้ำผลไม้เท่านั้น เอาไว้นอนดู ไม่ค่อยได้ดื่ม ผมไม่ยุ่งกับยาเสพติดและธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ยุ่งเกี่ยวธุรกิจสีเทาแน่นอน ซึ่งคนที่เข้ามาจะมีสีเทาไหม ก็ไม่ทราบ เพราะว่าไม่ได้ไปสืบประวัติ

“อยากได้เงินเยอะๆ 3 เดือนร้อยล้านจริงไหม ก็เป็นเชิงขำๆ ฟังจากพระอาจารย์มาเป็นทีเล่นทีจริง ก็เป็นแค่เป้าหมาย เป็นแค่แรงผลักดันเท่านั้น หลังจากนี้ก็ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ทุกเรื่องราวมีบทเรียนให้กับผม ยังเป็นสมปองคนเดิม อยู่บนพื้นฐาน จริงใจ ตั้งใจ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรสีเทา อยู่บนพื้นฐานของความสุข จะสร้างความสุขให้แก่ทุกท่าน และยังรักเคารพผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณทุกท่าน”..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @สมปอง นครไธสง