เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. พร้อม พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ปันไชย ผกก.1 บก.ปคม และตำรวจ กก.1 บก.ปคม นำกำลังจับกุม นายสราวุฒิ กีรติกรภัทร อายุ 41 ปี ในฐานความผิดกรรโชกทรัพย์ โดยจับกุมได้บริเวณร้านกาแฟชั้นล่างของศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ชุดสืบสวนได้รับการร้องเรียนว่ามีบุคคลแอบอ้างว่ารู้จักกับทาง “พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ไปกรรโชกทรัพย์ผู้เสียหายในหลายพื้นที่ เหตุเกิดช่วงปี 2562 โดยมีการแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ซึ่งกรณีดังกล่าว ทางผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ว่าตนเองได้รู้จักกับ นายสราวุฒิ ซึ่งได้อ้างตัวว่ารู้จักเป็นน้องของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ภายหลังผู้เสียหายขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงได้นำรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส หมายเลขทะเบียน ฏฐ 885 กรุงเทพมหานคร มาจำนำไว้กับทางกลุ่มของผู้ต้องหาเป็นเงิน 80,000 บาท โดยนำรถมาวางเป็นประกัน

ต่อมาผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนได้ตามกำหนด ผู้ต้องหารายนี้จึงได้ขายรถคันดังกล่าวให้กับผู้อื่น ภายหลังมีการติดตามรถคันดังกล่าวกลับคืนมาได้ แต่ทางนายสราวุฒิไม่ยอม อ้างว่าต้องนำเงิน 200,000 บาท ไปให้กับผู้ครอบครองรถ จึงได้ติดตามทวงหนี้กับผู้เสียหายให้แจ้งชำระเงินจำนวนดังกล่าว แต่ทางผู้เสียหายแจ้งว่าได้ชำระเป็นเงิน 80,000 บาท แต่ทางผู้ต้องหาไม่ยอม ตกลงกันไม่ได้ จึงได้พูดจาข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย อีกทั้งระบุว่ามีทีมอุ้มชื่อ “บังหมัดคลองตัน” เป็นลูกน้อง นอกจากนี้ทางผู้ต้องหาได้มีการส่งตัวอย่างภาพข่าวที่มีการอุ้มโดยทีมงานของบังหมัดมาให้ผู้เสียหายเพื่อให้เกิดความหวาดกลัว ทำให้ผู้เสียหายต้องยอมโอนเงิน 15,000 บาท และ 10,000 บาท ให้กับผู้ต้องหา และได้มีการนัดส่งมอบเงินกันในจำนวน 50,000 บาท โดยนัดหมายกันที่ร้านกาแฟภายในศูนย์การค้า

เมื่อถึงเวลานัดหมายนายสราวุฒิ ได้เดินทางมาตามนัด ก่อนที่ทางผู้เสียหายจะส่งมอบเงินให้ ทางเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ซึ่งทันทีที่ผู้ต้องหาเห็นทางเจ้าที่ ก็อยู่ท่าทีที่ตกใจพร้อมกับพูดว่ามาจับกุมด้วยเหตุอะไร จากนั้นได้นำตัวไปค้นรถยนต์ ซึ่งจอดอยู่ที่บริเวณชั้นสามของอาคารจอดรถในห้างดังกล่าว ก่อนนำตัวไปสอบปากคำที่ บก.ปคม.ต่อไป

ต่อมาเวลา 16.30 น. ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำที่ บก.ปคม. ใช้เวลาการสอบปากคำนานกว่า 2 ชม. ระหว่างการสอบปากคำมีผู้เสียหายชื่อ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 41 ปี มาชี้ตัวพร้อมให้การอ้างว่า รู้จักกับผู้ต้องหาเมื่อปี 2563 โดยมีคนแนะนำให้ว่าบุคคลดังกล่าวรู้จักกับผู้ใหญ่ ที่สามารถดูแลเรื่องกฎหมายและรูปคดีให้ได้ จึงตกลงทำธุรกรรมร่วมกับผู้ต้องหา ในเรื่องของรถยนต์และธุรกิจสีเทาบางอย่าง ซึ่งผู้ต้องหาระบุว่าสามารถที่จะเคลียร์ให้ตนได้ มีการแอบอ้างถึงผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งที่สูง จนทำให้ตนเกิดความเชื่อใจ และจ่ายเงินให้มาตั้งแต่ปี 2563 แต่เพราะช่วงหลังฝ่ายผู้ต้องหาเริ่มก้าวก่าย เข้ามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวและเรื่องครอบครัว รวมถึงมีเช็กโทรศัพท์และข่มขู่ พร้อมส่งรูปทีมอุ้มของบังหมัดมาให้ดู

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจได้อย่างไรว่าผู้ต้องหาไม่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ นายเจตนิพัทธ์ กล่าวว่า มีผู้ใหญ่ตรวจสอบให้ว่าผู้ต้องหา ไม่ใช่คนที่รู้จัก พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ จริง จึงไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อให้จับกุมดำเนินคดีทางกฎหมาย จนสามารถจับกุมได้จากปฏิบัติการบุกจับในวันนี้ อย่างไรก็ตามในส่วนเงินที่ถูกกรรโชกไป พบว่ามีความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งสิ้นกว่า 10 ล้านบาท

ขณะที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ชุดสืบสวนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนถึงพฤติกรรมของนายสราวุฒิ ว่ามีการแอบอ้างว่ารู้จักกับทาง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ จึงได้นำเรียน ผู้บังคับบัญชาก่อนที่ทาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จะสั่งการให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง กระทั่งพบว่ามีการแอบอ้างจริงจึงได้ทำการจับกุม ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบว่ามีข้อความหลายข้อความในแอพพลิเคชั่นไลน์ของผู้ต้องหาที่เข้าข่ายการแอบอ้างจริง นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรพบว่า ปี 2562 ผู้ต้องหามีคดีฉ้อโกงจำนวน 2 คดี ที่ สภ.สัตหีบ ในเรื่องการออกเช็ค และ สภ.บางละมุง ในข้อหาฉ้อโกงปลอมแปลงเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันฉ้อโกง

เบื้องต้นจะทำบันทึกการจับกุมความผิดซึ่งหน้าในเรื่องกรรโชกทรัพย์ ส่ง สน.พระโขนง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ในส่วนผู้ต้องหานั้นมีการแอบอ้างผู้มีอิทธิพลหลายฝ่าย ตนได้โทรศัพท์ไปสอบถาม พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ แล้ว และได้สอบถามผู้ต้องหา ผู้ต้องหาได้ขอโทษและบอกว่าคำพูดอาจผิดเพี้ยนไป ทำให้เกิดความเสียหาย ส่วน พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ได้ให้ดำเนินการตามกฎหมาย หากมีการแอบอ้างจริง อย่างไรก็ตามขอฝากว่าในยุคออนไลน์ มีการฉ้อโกงหรือแอบอ้างที่รุนแรงมากขึ้น ขอให้ทุกคนตระหนักว่าอย่าหลงเชื่อคำกล่าวอ้าง โดยเฉพาะการทำธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น เว็บพนันออนไลน์ คนร้ายมักใช้ช่องทางดังกล่าวในการหาผลประโยชน์ ซึ่งกรณีนี้ อาจมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเข้าใจว่าผู้ต้องหาเป็นน้องชายของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้มีรายงานว่าทางผู้ต้องหาได้แอบอ้างในหลายกรณี โดยกรณีล่าสุดมีการแอบอ้างกับผู้เสียหายว่าสนิทกับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และขอเงินผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเป็นค่าของขวัญวันเกิดของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ด้วย.