เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.กฤษณะ ธรรมจิตร รอง สว.(สอบสวน) รับแจ้งจากร้านทองศรีรุ่งเรือง ถนนมีชัย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกฉกทองในร้านไปน้ำหนักรวม 100 บาท มูลค่า 2.9 ล้านบาท หลบหนีลอยนวล จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, พ.ต.ต.อัครเดช พรมโสภา สวป. ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เก็บลายนิ้วมือแฝงผู้ต้องสงสัยไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.ยุทธนา กล่าวว่า สอบสวนตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายไทย ทำทีเข้ามาซื้อทอง แจ้งว่าต้องการซื้อทองไปแจกญาติพี่น้อง โดยจะมีคนโอนเงินเข้าบัญชีกับทางร้านเพราะเป็นเงินจำนวนมาก เป็นทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 100 บาท มูลค่ารวม 2.9 ล้านบาท จากนั้นมีการเตรียมทองที่เลือกซื้อไว้แล้วรอสักพัก ชายคนดังกล่าวได้แจ้งกับทางร้านว่ามีคนโอนเงินเข้าบัญชีแล้ว ทางเจ้าของร้านทองโทรศัพท์สอบถามธนาคารให้ตรวจสอบเงินเข้าบัญชี ทางธนาคารแจ้งว่ามีตัวเลขเงินในบัญชีแล้ว 2.9 ล้านบาท ทางร้านจึงนำทองรูปพรรณ 100 บาท ส่งให้กับคนร้ายไป แต่ผ่านประมาณ 15 นาที เจ้าของร้านตรวจสอบเงินอีกครั้ง พบว่าเป็นการนำเงินเข้าบัญชีแบบเช็คเคลียริ่ง มีแต่ตัวเลข ตัวเงินยังไม่เข้า ถึงรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงแจ้งความตำรวจ

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบคนร้ายเป็นชายสูงผอม สวมชุดดำสวมแมสก์ปกปิดใบหน้า อีกทั้งทางร้านไม่ได้ขอดูบัตรประจำตัวประชาชน และไม่ได้ขอให้เปิดหน้าให้ดู หรือขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อแต่อย่างใด มีเพียงลายมือชื่อที่คนร้ายเขียนไว้ให้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นชื่อปลอม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไปขอตรวจสอบที่ธนาคาร เพราะเชื่อว่ากระบวนการเคลียริ่งเช็ค ทางธนาคารต้องเปิดหน้า หรือมีบัตรประชาชนลูกค้าเป็นหลักฐาน เบื้องต้นทราบชื่อเจ้าของบัญชีที่ไปดำเนินการแล้วเป็นผู้หญิง (สงวนชื่อสกุล) นำชื่อไปตรวจสอบประวัติพบว่าเคยมีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันที่ จ.ระยอง เมื่อปี 2563 ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ รอบร้านทองและธนาคาร จนรู้ตัวผู้ก่อเหตุที่เป็นหญิงแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผู้ชายอยู่ระหว่างสืบสวน ติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป