เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการโหนกระแสโดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เชิญ นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ “หมอปลา” มือปราบสัมภเวสี พร้อมด้วย นายไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ “ทิดเอก” เน็ตไอดอลชื่อดัง และ อ.จตุรงค์ จงอาษา ผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนา มาพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นการจับเจ้าอาวาสวัดชื่อดัง ในพื้นที่ ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ขณะกำลังอยู่กับสีกาในกุฏิสองต่อสอง และยังพบชุดชั้นใน กับเครื่องดื่มสุราที่แช่ในตู้เย็นบนกุฏิอีกด้วย

ทั้งนี้ หมอปลา ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้ชมได้ฟังอีกครั้งก่อนจะมีถึงประเด็นที่ว่า ต้องการท้ายทายให้ นางต้อย (สงวนชื่อสกุลจริง) หญิงสาวที่อยู่กับอดีตเจ้าอาวาส ออกมาพูดความจริง หลังจากพยายามให้ข้อมูลกับสื่อว่า โดนกลั่นแกล้งเอาชุดชั้นในไปโยนใส่ ทั้งๆ ที่ตัวเองเข้าไปเอาเอกสารให้เจ้าอาวาสเซ็นเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงกลางรายการได้มีการวีอีโอคอลพูดคุยกับ นางนัยนา (สงวนนามสกุล) น้องสาวของเจ้าอาวาสด้วย คุณป้านัยนา กล่าวว่า ตนเป็นน้องของเจ้าอาวาส ยังไงก็ต้องปกป้องพี่ชายเป็นธรรมดา ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นการกลั่นแกล้งกันมากกว่า หลังเกิดเรื่องก็ไม่สามารถติดต่อกับพี่ชายได้ เพราะโทรศัพท์หาย ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ในส่วนของผู้หญิงที่ตกเป็นข่าวด้วยนั้น ตนรู้จักดี เป็นคนมีครอบครัวแล้ว ทั้งยังมีลูกถึง 3 คน เคยมากินข้าวที่บ้านตนด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าเขาไปเกี่ยวข้องอะไรกับพี่ชายนั้น ตนไม่ทราบ รู้แต่เขานับถือหลวงพี่เป็นหลวงพ่อ วันเกิดเหตุไม่รู้ยกทรงมาจากไหน เครื่องดื่มในตู้เย็นก็เช่นกัน เรื่องเอายางรัดหัวก็เป็นเรื่องปกติ

ด้าน หมอปลา ถามกลับไปยัง นางนัยนา ว่า “….ป้าจะแถไปถึงไหนป้า มียางอายไหมป้า…” ปรากฏว่า นางนัยนา กล่าวว่า ไม่ได้แถ แล้วก็ไม่ผิด ก็ไม่มียางอาย ตอนนี้ไม่ได้เดือด แต่มีอารมณ์นิด ๆ เพราะต้นเหตุไม่ใช่อยู่ตรงนี้ ป้าเป็นน้อง พี่น้องยังไงก็ต้องปกป้อง

ขณะที่ ทิดเอก และ อ.จตุรงค์ ให้ความเห็นในลักษณะเดียวกันว่า เรื่องนี้สมควรจะเป็นบทเรียนให้แก่สำนักพุทธและมหาเถรสมาคม รวมไปถึงฝ่ายงานเกี่ยวข้อง ว่าทำไมการร้องเรียนของชาวบ้านถึงไม่เป็นผลก่อนหน้านี้ ทำไมต้องให้ “หมอปลา” มาจัดการเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ “หมอปลา” อยู่คนละพื้นที่กัน ทางฝ่ายงานเกี่ยวข้องของจังหวัดสมุทรปราการ ต้องพิจารณาการทำงานของตัวเอง อีกทั้งฝ่ายกฎหมายของภาครัฐ เห็นควรที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขตัวบทกฎหมายเพื่อให้สามารถดำเนินคดีกับพระที่ก่อเหตุเช่นนี้ได้ต่อไปหรือไม่.