เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ ศูนย์แจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง เดินทางมาพบ ร.ต.อ.เลิศวรรธ์ อัครภูริชัย รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ป. พร้อมผู้ถูกกล่าวหา 6 คน ประกอบด้วย น.ส.แพรว อายุ 34 ปี, น.ส.เหมยเล็ก อายุ 25 ปี, น.ส.ใหม่ 35 ปี, นายแซม อายุ 30 ปี, น.ส.บี และ น.ส.ซี

นายเกียรติคุณ หรือทนายโป้ง เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีทนายชื่อดังพา น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี อ้างว่าเป็นผู้เสียหายถูกแก๊งเงินกู้นอกระบบอุ้มไปทำร้ายและข่มขู่รีดเงินที่กู้ยืมมาลงทุนปล่อยกู้ต่อจำนวน 37 ล้าน แม้จะจ่ายคืนไปแล้ว 57 ล้าน แต่ยังไม่พอ ก่อนจะอุ้มไปรีดอีกนั้น ในวันนี้ตนได้พาผู้ที่ถูก น.ส.เอ๋ กล่าวหาจำนวนหนึ่ง ที่กล้ามาแสดงตนจำนวน 6 ราย มาพบพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

โดยมีผู้ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีของ น.ส.เอ๋ จำนวน 8 ราย เป็น ชาย 2 คน หญิง 6 คน ในคดีข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยทำให้กลัวต่อสิทธิเสรีภาพหรือร่างกาย และข้อหาทำร้ายร่างกายของ สภ.เมือง ขอนแก่น ใช้หลักทรัพย์ประกันตัวรายละ 1 แสนบาท ก่อนที่ น.ส.เอ๋ จะมาร้อง พงส.บก.ป. และให้สัมภาษณ์สื่อฯ กล่าวหาว่าเป็นแก๊งนายทุนเงินกู้ที่ไปข่มขู่คุกคาม และอุ้มเธอไปทำร้ายและรีดทรัพย์ ทำให้ทั้ง 6 คนเสียหาย จึงได้ใช้สิทธิในการต่อสู้คดี วันนี้จึงเดินทางมาพบ พงส.บก.ป. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่ น.ส.เอ๋ กล่าวหาแต่อย่างใด ผู้เสียหายทั้ง 6 คน ได้รับความเดือดร้อน นอกจากจะต้องต่อสู้คดีความแล้ว ยังโดน น.ส.เอ๋ ให้สัมภาษณ์สื่อฯ ออกข่าวด้านเดียว จึงอยากจะขอโอกาสชี้แจงผ่านสื่อฯ บ้างว่า ไม่เป็นความจริงตามที่ น.ส.เอ๋ ออกข่าวเลย แต่เป็นการติดตามทวงถามหนี้สินที่เกิดจากการชักชวนไปร่วมลงทุนเท่านั้น มียอดหนี้ไม่มากตามที่อีกฝ่ายระบุเลย

ด้าน น.ส.แพรว หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแก๊งเจ้าหนี้เงินกู้โหด กล่าวว่า ตนเองมีอาชีพค้าขายอยู่ จ.สมุทรสาคร เป็นญาติกับ น.ส.เอ๋ มีบ้านอยู่ตรงข้ามกัน รู้จักกันมาเป็นอย่างดี ต่อมาปี 64 น.ส.เอ๋ ได้มาติดต่อชักชวนให้ลงทุนเล่นแชร์และลงทุนทองคำ ให้เช่าทองไปใช้เป็นสินสอด เป็นต้น ตนเห็นว่ามีความน่าเชื่อถือ ดูโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กของ น.ส.เอ๋ น่าสนใจจึงตัดสินใจรวมลงทุนด้วย ตามที่ น.ส.เอ๋ ออกข่าวว่าตนให้เขากู้มา 3 ล้านบาท โอนกลับ 5 ล้านบาท รวมเงินต้นและดอก โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10% ต่อวัน 20% ต่อเดือน แต่จริง ๆ แล้ว ตนโอนเงินให้ น.ส.เอ๋ ไปลงทุนด้วยจำนวน 3 ล้านบาท จนบัดนี้ยังไม่ได้คืนทั้งเงินต้นและผลตอบแทนตามที่ น.ส.เอ๋ เสนอเลย อย่างไรก็ตาม น.ส.เอ๋ ยืนยันว่ามีลูกค้าทองคำจริง พร้อมยกตัวอย่างคนมีฐานะในหมู่บ้านว่าเป็นลูกค้าเขาสร้างความน่าเชื่อถือ

แต่มาติดปัญหาตรงเมื่อตอนติดต่อ น.ส.เอ๋ ไม่ได้เลย เหมือนเขาจะตั้งใจหนีหนี้ เราจึงรู้ว่า เขาไปก่อหนี้อีกมากมายหลายคน ในส่วนที่บอกว่ามีการบังคับให้เซ็นสัญญาเงินกู้นั้น น.ส.แพรว กล่าวว่า เป็นการเสนอของ น.ส.เอ๋ เอง ยินดีที่จะทำสัญญารับสภาพหนี้ที่ยังติดค้างกันอยู่ ใบหนังสือสัญญาก็เป็นของ น.ส.เอ๋ ที่มีติดรถประจำอยู่แล้ว เนื่องจาก น.ส.เอ๋ ทำอาชีพปล่อยเงินกู้นั้นเอง ระหว่างที่ น.ส.เอ๋ อ้างว่าถูกพวกนายทุนเงินกู้จับตัวไป ทั้งที่โรงแรมและที่บ้านพักนั้น จริง ๆ แล้ว น.ส.เอ๋ จะใช้โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา สั่งอาหารมาส่งถึงสองครั้ง ติดต่อกับแม่ก็ได้ แถมยังบอกว่าขอเคลียร์กับพวกตนก่อนนะ แต่ไม่ทราบว่าแม่ น.ส.เอ๋ เขาจะคิดอย่างไร ทำไมถึงกลับมาเป็นแบบนี้ไปได้

เฉพาะหนี้สินของตนที่มีกับ น.ส.เอ๋ คือหนี้ก้อนสุดท้าย 3 ล้านบาท ของพี่สาวตนอีก 8 ล้าน ของน้องสาวอีก 2.3 แสนบาท รวม ๆ แล้วประมาณ 12 ล้านบาท ตรงที่ น.ส.เอ๋ อ้างถูกทำร้ายนั้น เป็นการต่อสู้กันระหว่างตนกับ น.ส.เอ๋ ตัวต่อตัว ไม่มีคนอื่นช่วย ตนยอมรับลงมือก่อน ตบเขาเพราะโมโห ที่เขาด่าพ่อในไลน์กลุ่ม แต่เขาก็สู้ตอบ ไม่มีการรุมแต่อย่างใด

ด้าน น.ส.ใหม่ กล่าวว่า ตนไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาร่วม 8 คนนั้น แต่ น.ส.เอ๋ ได้ให้สัมภาษณ์พาดพิง ซึ่งจริง ๆ แล้ว ตนเป็นเจ้าหนี้ น.ส.นก อยู่จำนวน 9.8 แสนบาท ในการลงทุนทองคำ ซึ่งในคืนวันที่ น.ส.เอ๋ อ้างว่าถูกอุ้ม มียอดเงินโอนมาที่บัญชีตนจำนวน 3,000 บาท ตนคิดว่าเป็นเงินโอนตามปกติ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอผ่านมา 1 สัปดาห์ ก็มีตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น ติดต่อมาว่าตนมีส่วนรู้เห็นในคดีรีดทรัพย์-ปล้นทรัพย์ของ น.ส.เอ๋ แถมยังมีสื่อฯ ออกข่าวว่า ตนไปขอต่อรองให้แม่ของ น.ส.เอ๋ แลกกับการยกหนี้ 5 แสนบาท ตนได้ไปให้ปากคำต่อ พงส.สภ.เมือง ขอนแก่น เรียบร้อยแล้ว จึงมาพบ พงส.บก.ป. ในวันนี้ด้วย.