เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียลได้มีการเผยแพร่ข้อความผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ระบุว่า “ขอโทษนะคะที่หนูเดือดร้อนเรื่องคดีแฟนหนูไม่คืบหน้าแต่ทำไมเหรอคะ ชีวิตคนจนมันไม่มีค่าเหรอคะ หรือคนอย่างพวกเราเป็นฝ่ายผิดตลอด ขอโทษจริงๆค่ะ หนูแค่อยากระบายบ้าง เพราะพวกเราเงียบมาตลอดไม่ว่าใครจะว่ายังไง คนตายก็ลุกขึ้นมาเถียงไม่ได้หรอกค่ะ ถือว่าเห็นแก่เด็กตาดำๆ ทั้งสามคนเถอะค่ะ ที่เขาต้องกำพร้าพ่อตลอดชีวิตของเขา”

ล่าสุดได้มีการเผยแพร่คลิปจากเหตุการณ์เดียวกัน พบหญิงชราสวมเสื้อผ้าเก่าๆ รองเท้าแตะ ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นางโสภา แป้นพรม อายุ 70 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับตำรวจ สภ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงลูกชายของคุณยายเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา แต่เรื่องกลับเงียบหายไม่มีความคืบหน้าใดๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

โดยในคลิปนางโสภา ใช้คำพูดแทนตัวเองว่า “แม่” ระบุว่าลูกชายถูกยิงตาย มีลูก 3 คน ส่วนภรรยาโดนพิษโควิดตกงานไม่มีงานทำ ตอนนี้ได้รับความลำบากเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ลูกชายที่ถูกยิงตาย เป็นกำลังสำคัญในการทำงานรับจ้างทุกอย่างเพื่อหารายได้ โดยเฉพาะเก็บยอดขี้เหล็กหน้าโรงพักมาขายหารายได้ ใครๆ ก็รู้จักคนตาย ตอนนี้แม่ต้องทำงานทุกอย่างเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวแทนลูกชาย

นางโสภา กล่าวกับตำรวจด้วยน้ำตานองใบหน้าว่า แม่มาขอเรียกร้องความเป็นธรรมเนื่องจากลูกชายถูกยิงตาย แต่ทางตำรวจไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ ไม่เคยแจ้งความคืบหน้าใดๆ ตำรวจไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตอนนี้แม่ให้เวลาตำรวจ 3 วัน นับได้เลยตั้งแต่วันนี้ คุณไปดูศพแม่ที่หน้าบ้านได้เลยแม่จะเขียนรอบตัวว่า “ฆ่าลูกแม่ทำไม ตำรวจไม่ได้ช่วยอะไรเลย“ เพราะแม่หมดทางไปแล้วจริงๆ แม่นั่งถามตัวเองทุกวันว่าลูกที่ถูกยิงตายคงมารอแม่เดียว แม่จะไปอยู่กับลูก

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิชล รับปากว่าจะดำเนินการให้ตามข้อเรียกร้อง สร้างความดีใจให้กับนางโสภา เป็นอย่างมาก พร้อมยกมือปาดน้ำตาแล้วไหว้ขอบคุณตำรวจและขอให้ทุกคนที่ได้ยินการรับปากของตำรวจช่วยเป็นพยานให้ด้วย นับเป็นคลิปที่สุดสะเทือนใจอย่างมาก ก่อนนางโสภา จะขอตัวเดินออกไปปีนเก็บดอกขี้เหล็กที่ต้นขี้เหล็กอยู่หน้าโรงพักเพื่อมาขายหารายได้ต่อไป

สำหรับคดีคนร้ายยิงนายประสาน แป้นพรม เสียชีวิตเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 26 พ.ย. 64 โดยคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนก่อเหตุดักยิงนายประสาน เสียชีวิตเหตุเกิดบนถนนสาย สิชล-เขาพลายดำ ท้องที่หมู่ 8 ต.ทุ่งใส อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช เรื่องเกิดขึ้นกว่า 2 เดือนแล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้าทางคดี.