เมื่อวันที่ 18 ก.พ. พ.ต.ท.สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงกรณีเจ้าของโรงงานผลิตขนมหวาน เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 14 คน และผู้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมาอีก 1 คน ในข้อหา “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ กรณีแรงงานเมียนมาให้การกับเจ้าหน้าที่รัฐว่าถูกนายจ้างกักขังหน่วงเหนี่ยว บังคับใช้แรงงาน เมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า คดีนี้สืบเนื่องจากดีเอสไอได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานทูตเมียนมาว่า มีแรงงานเมียนมาถูกกักขังและบังคับใช้แรงงานที่โรงงานทำขนมแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว ดีเอสไอจึงตรวจสอบข้อมูลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสนธิกำลังเข้าให้การช่วยเหลือ

เจ้าของโรงงานสุดทนฟ้อง14เมียนมาแสบ ตบทรัพย์ยัดข้อหาฉกรรจ์ให้

โดยในวันดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา บรรยายถึงพฤติการณ์ และสอบปากคำเจ้าของโรงงานแล้ว จากนั้นได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งการสอบสวนมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าผู้ต้องหาร่วมกันกระทำการในลักษณะเข้าข่ายค้ามนุษย์จริง จึงได้ส่งสำนวน พร้อมนิติบุคคล 2 ราย และบุคคล 3 รายให้อัยการมีความเห็นส่งฟ้องศาลอาญาในข้อหาค้ามนุษย์และข้อหาอื่น ขณะนี้อยู่ในตอนศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐาน

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอมั่นใจพยานหลักฐานก่อนที่จะส่งฟ้องศาล แต่จำเลยยังถือว่าไม่มีความผิดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ซึ่งจำเลยมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่ หลักฐานของจำเลยที่จะนำมาต่อสู้ในชั้นศาล ศาลจะชั่งน้ำหนักและวินิจฉัยว่ารับฟังได้หรือไม่