สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ว่านายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ ว่านับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. นี้ ชาวต่างชาติจากทุกประเทศ ไม่ว่าจะมีสถานะการฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบใดก็ตาม สามารถเดินทางเข้าอิสราเอลได้ แต่ต้องมีผลการตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ ที่เป็นลบ 2 ครั้ง คือก่อนออกเดินทาง และอีกครั้งหนึ่ง เป็นการเข้ารับการตรวจ ที่ด่านควบคุมโรคของสนามบินในอิสราเอล


ขณะที่พลเมืองอิสราเอลไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจอาร์ที-พีซีอาร์ ก่อนการเดินทางเข้า แต่ต้องผ่านการตรวจแบบเดียวกัน ที่ด่านควบคุมโรคของสนามบินในอิสราเอล และพลเมืองอิสราเอล ซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่จำเป็นต้องกักตัว ตราบใดที่ผลตรวจเป็นลบจนกระทั่งเดินทางมาถึง


ความเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นไปตามการแนะนำโดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเสนอให้รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนบางอย่าง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 5 ในอิสราเอล ซึ่งเป็นผลจากเชื้อโอมิครอน “มีแนวโน้มดีขึ้น”


ด้านข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของอิสราเอล ระบุว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนประมาณ 46,000 คน เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่เพียง 7,600 คนเท่านั้น แต่ยังน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าอิสราเอล เมื่อเดือน ม.ค. 2563 ซึ่งสูงถึง 333,00 คน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES