จากกรณีทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พา น.ส.สิริลักษณ์ เจริญกิจเจริญ อายุ 41 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว หลังเข้าไปเดินในงานวัดคู้บอน ก่อนถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกให้ไปเล่นการพนันปั่นสามแปด ทำให้สูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ก.พ. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว ว่า ฝ่ายสืบสวน สน.คันนายาว สามารถติดตามตัวเจ้ามือที่มีการจัดให้เล่นปั่นสามแปด ภายในวัดคู้บอน ทราบชื่อนายธีรวัฒน์ ผะอบเหลือง อายุ 33 ปี ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้ามือตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.คันนายาว จึงทำการสอบสวนพร้อมแจ้งข้อหา จัดให้มีการเล่นการพนัน (ปั่นสามแปด) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าตนเองได้เป็นผู้ลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนัน (ปั่นสามแปด) จริง ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายตามที่เสียหายไป

สาวเที่ยวงานวัดถูกหลอกเล่นปั่นเหรียญ 3-8 สูญ 3 แสนโอนเกลี้ยงบัญชี!

ต่อมาเวลา 12.00 น. นางสาวธมวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้เสียหายอีกคนที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้หลอกให้เล่นปั่นสามแปด สูญเงิน 2,000 บาท และสร้อยคอทองคำ 1 บาท อีก 1 เส้น ได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ด้วย

พ.ต.อ.นเรนทร์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ฝ่ายสืบสวนได้ออกหาข่าวจนทราบตัวผู้ที่จัดให้เล่นการพนันดังกล่าวแล้ว ซึ่งก็รับสารภาพว่าเป็นผู้จัดจริง พนักงานสอบสวนจึงทำการสอบปากคำ และเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลแขวงมีนบุรี เป็นที่เรียบร้อย ในส่วนที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่ก็รับเรื่องไว้ก่อน และจะนัดให้มาสอบปากคำอีกครั้ง ส่วนที่ผู้เสียหายระบุว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์ปิดกั้นยืนล้อมไม่ให้ไปไหนนั้น ต้องมาดูในรายละเอียด หากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยวจริง ก็ต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีด้วยทั้งหมด ซึ่งก็ต้องรอสอบปากคำผู้เสียหายทั้ง 2 คน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงก่อน

“ส่วนการเจรจาเรื่องทรัพย์สินที่ถูกเอาไปนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้เสียหายเองว่ามีการตกลงเจราจากับคู่กรณีไว้อย่างไร หรือถ้าหากมีการตกลงคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายไปแล้วในส่วนนี้ ผู้เสียหายก็สามารถถอนคำร้องแจ้งความได้ เนื่องจากเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งสามารถยอมความกันได้” ผกก.สน.คันนายาว กล่าว

ต่อมา น.ส.ธมวรรณ ได้เดินทางมาที่ สน.คันนายาว อีกครั้ง ภายหลังได้รับการประสานจากคู่กรณีว่าจะนำทองคำที่เอาไปมาคืนให้ ซึ่งหลังได้รับของคืนก็ได้เดินทางมาถอนแจ้งความ.