กรณี น.ส.พงศ์ภัค (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ครูสอนพิเศษและเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนพิเศษแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนผสม โดยเข็มแรกฉีดซิโนแวค และวันที่ 19 ก.ค.ฉีด แอสตราเซเนกา เป็นเข็มที่สอง ปรากฏว่าผ่านไป 1 วันได้เสียชีวิตลงอย่างปริศนา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ประชาชนชาว​ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ​ นานา จนผู้ที่มีคิวฉีดวัคซีนแบบผสมเกิดความไม่มั่นใจและหวาดกลัว ปฏิเสธการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อเข็ม 2 กันจำนวนมาก

เศร้าครูสาวฉีด “ซิโนแวคผสมแอสตราฯ”วันเดียวดับปริศนา ผัวจี้สธ.แจง

นายแพทย์สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ผลการตรวจผู้เสียชีวิตเบื้องต้นไม่พบเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ได้ส่งศพไปผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่ รพ.ศิริราช กรุงเทพแล้ว และจะมีการแถลงผลจากทีมผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นผู้ฉีดวัคซีนลูกผสมแล้วเสียชีวิตเป็นรายแรก แต่ทั้งนี้ในทางการแพทย์ไม่ยืนยันว่าสาเหตุการตายมาจากการฉีดวัคซีน สำหรับการช่วยเหลือ ส่วนตัวได้พุดคุยกับสามีผู้เสียชีวิตแล้ว คาดว่าจะได้รับเงินเยียวยาไม่น้อยกว่า 4 แสนบาทตามอัตราที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ​(สปสช.) กำหนด สามารถจ่ายได้ไม่เกินช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้

นายแพทย์สิริยะ กล่าวอีกว่า จังหวัดเริ่มฉีดวัคซีนโควิดตามสูตรใหม่ให้กับประชาชนทุกกลุ่มทุกรายคือเข็ม 1 ซิโนแวค และเข็ม 2 แอสตราเซเนกา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสร้างภูมิคุ้มกันให้มากขึ้นเกือบเท่าการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม และสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วกว่า เพราะฉีดห่างกันระหว่างเข็ม 1 เข็ม 2 เพียง 3-4 สัปดาห์ รวมทั้งมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่กำลังระบาดมากได้ดีกว่าซิโนแวค 2 เข็มแบบเดิม แต่ขณะนี้ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ด่านหน้าจะต้องทำความเข้าใจประชาชนทั่วไปให้ฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดต่อไป หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และยังทราบอีกว่ามีผู้มีอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนลูกผสมลอตเดียวกันทั้งหมด 115 โด๊ส ส่วนใหญ่เป็นอาการทั่วไปปวดหัว ตัวร้อน มีไข้ มีเพียง 1 ราย แพทย์ให้รักษาตัวที่ รพ.ประจวบฯ เพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด