สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ว่า นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศรัสเซีย กล่าวถึงปฏิกิริยาของตะวันตก ต่อที่รัฐบาลมอสโกรับรองและสถาปนาความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ที่เน้นไปทางด้านความมั่นคง กับ “สาธารณรัฐโดเนตสก์” และ “สาธารณรัฐลูฮันสก์” ในภูมิภาคดอนบาส ที่อยู่ทางตะวันออกของยูเครน ว่าโลกตะวันตก “ซึ่งเป็นมารดาแห่งการคว่ำบาตรทั้งมวล” จะไม่มีทางหยุด “จนกว่าจะหมดแรงไปเอง” กับสิ่งที่เรียกว่า “มาตรการลงโทษรัสเซีย”


อย่างไรก็ตาม ทุกภาคส่วนในรัสเซียคุ้นเคยและชินชากับเรื่องนี้ หรือคาดเดาได้ล่วงหน้าว่า “มาตรการคว่ำบาตรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าการดำเนินการนั้นจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตาม” แต่ยืนยันว่า รัฐบาลมอสโกยังคงยินดีและพร้อมเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อบรรเทาความตึงเครียดของสถานการณ์


ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า แม้จนถึงตอนนี้ยังคงไม่มีแนวโน้มการเกิด “สงครามเต็มรูปแบบ” ระหว่างยูเครนกับรัสเซีย แต่หากความตึงเครียดทางทการมีการยกระดับ และส่งผลให้มีความขัดแย้งด้านอาวุธ อาจนำไปสู่การต้องประกาศกฎอัยการศึก


ทั้งนี้ เซเลนสกียังคงเรียกร้องให้รัฐบาลมอสโกร่วมกันคลี่คลายความขัดแย้งด้วยวิธีทางการทูต ทว่าในเวลาเดียวกัน รัฐบาลเคียฟยอมรับว่า กำลังพิจารณาการยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย หลังจากนั้นไม่นาน กระทรวงการต่างประเทศยูเครนประกาศ เรียกตัวอุปทูตอุปทูตรักษาการแทน เอกอัครราชทูตประจำกรุงมอสโก ให้เดินทางกลับมายังกรุงเคียฟเป็นการด่วน “เพื่อการปรึกษาหารือ” ด้านรัสเซียเตือนว่า “จะยิ่งทำให้ทุกอย่างยากขึ้น”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES