เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ​ หลังศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำคณะราษฎร และแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในคดีใส่ชุดครอปท็อปเดินชอปปิงศูนย์การค้าสยามพารากอน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 63 โดยนายพริษฐ์ ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. 64

ทั้งนี้ บรรยากาศการมารอรับการปล่อยตัวเป็นอิสระภาพของ นายพริษฐ์ เป็นไปด้วยความคึกคัก มีสื่อมวลชนและแนวร่วมมารอรับที่ประตูเข้า-ออก หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จำนวนมาก โดยที่บริเวณหน้าป้ายเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีการนำภาพของนายพริษฐ์และนายอานนท์ นำภา มาแขวนคอ มีข้อความว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” โดยมี นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ เดินทางมารอรับลูกชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

นางสุรีย์รัตน์ เปิดเผยว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ลูกๆ ได้รับการปล่อยตัวออกมา แต่ก็มีความเป็นห่วงว่า หากได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้วก็ไม่อยากให้กลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีก และเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะตัวเพนกวินค่อนข้างเป็นคนที่มองโลกสวย ไม่ค่อยระมัดระวังอันตราย ตนยังถูกคนติดตาม จึงเกรงว่าลูกจะไม่ได้รับความปลอดภัย ดังนั้น อยากฝากให้คนรู้จักเพนกวินขอให้ช่วยกันสอดส่องดูแลด้วยว่ามีใครตามเพนกวินหรือไม่ เพราะเขาไม่ได้มีรถส่วนตัว ไม่มีคนขับหรือคนติดตาม ส่วนนายอานนท์ นำภา ที่ยังคงอยู่ในเรือนจำ ได้มีการปรึกษากับนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความทราบว่า น่าจะยื่นประกันตัวในเร็วๆ นี้ เพราะหากลูกชายตนได้รับการปล่อยตัวแล้ว ไม่มีเหตุผลใดที่จะให้นายอานนท์อยู่ในเรือนจำ เพราะเขามีครอบครัวที่ต้องดูแล

ต่อมา เวลา 19.20 น. นายพริษฐ์ ได้ปล่อยตัวออกมาท่ามกลางความยินดีของแนวร่วมที่มารอต้อนรับและเข้าสวมกอดกับมารดาด้วยความคิดถึง

นายพริษฐ์ เปิดเผยว่า ขอขอบคุณคนที่สนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ตลอดในการจองจำตลอดระยะเวลา 6 เดือน ขอบคุณน้ำใจทุกกำลังใจและการช่วยเหลือที่หลั่งไหลมา ตนยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างขมขื่นสำหรับตน แต่ผ่านมาได้ด้วยกำลังใจของพี่น้องทุกคน

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า วันก่อนมีการระดมทุนร่วมกันเสียสละเงินหลักร้อยหลักพันจนได้นับเป็นหลายล้านบาท เป็นการแสดงให้เห็นว่ากลุ่มราษฎรเรายังไม่ตาย ยังคงดำเนินต่อไป และความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ซึ่งพี่น้องเจ้าหน้าที่ทุกท่านปฏิบัติต่อตนอย่างให้เกียรติ เราไม่ใช่อาชญากร พี่น้องประชาชนที่เห็นกันอยู่ก็รู้ว่ามันเกิดกับตนเพราะอะไร

นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า การตกเป็นผู้ต้องขังทางการเมือง เหมือนเป็นเชลยเขา เป็นแต้มๆ นึงที่ทำให้ฝ่ายผู้มีอำนาจเขาเล่น การที่เราจะก้าวไปข้างหน้าก็ต้องให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ข้างหลังด้วย อย่างนายอานนท์ นำภา พี่ชายแสนดีของตนที่คอยดูแลให้กำลังใจกันมาตลอด นอกจากพี่อานนท์ แล้วยังมีผู้ต้องขังทางการเมืองอีกหลายท่านที่อาจจะยังไม่ได้รับความยุติธรรม ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว ต้องถูกคุมขังทั้งที่ยังไม่มีความผิดอะไร พี่น้องที่ฝ่าฟันต่อสู้ในเรือนจำมาควรได้รับความเป็นธรรม สำหรับเงื่อนไขที่ศาลกำหนดนั้น ตนให้ความเคารพเงื่อนไข แต่ตนเชื่อว่าเงื่อนไขศาลไม่สามารถที่จะสกัดกั้นความคิดเห็นของประชาชนได้.