สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประกาศขอความช่วยเหลือจากกลุ่ม “บูคาเรสต์ นาย” (Bucharest 9) ซึ่งเป็นพันธมิตรความร่วมมือทางทหารของ 9 ประเทศ ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ได้แก่ บัลแกเรีย สาธารณรัฐเช็ก เอสโตเนีย ฮังการี ลัตเวีย ลิทัวเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวาเกีย ไม่ว่าจะเป็น “ความสนับสนุนทางทหาร” “การกดดัน” หรือ “มาตรการคว่ำบาตร” ต่อ “ผู้รุกราน”


ขณะที่กระทรวงกลาโหมของยูเครนรายงานการระเบิดสะพานข้ามแม่น้ำเทเทรีฟ ในเมืองอีวานคอฟ ห่างจากกรุงเคียฟไปทางเหนือประมาณ 50 กิโลเมตร เพื่อสกัดความพยายามรุกคืบเข้าสู่อาณาเขตเมืองหลวง ด้านข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองของสหรัฐระบุว่า ทหารรัสเซียซึ่งเคลื่อนพลผ่านเบลารุส อยู่ห่างจากกรุงเคียฟเพียง 32 กิโลเมตร และมีการสู้รบอย่างต่อเนื่องกับทหารของยูเครน

กรุงเคียฟกลายเป็นเมืองร้าง หลังรัสเซียปฏิบัติการทางทหารในยูเครน


ในเวลาเดียวกัน มีรายงานว่า กองทัพรัสเซียยิงเครื่องบินขับไล่ ซู-27 ของยูเครน ตกในเขตกรุงเคียฟ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า การตกของเครื่องบินลำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้ที่บ้านหลังหนึ่งด้วยหรือไม่ ส่วนก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง กองทัพยูเครนอ้างการสามารถสกัดการโจมตีจาก “อากาศยานของศัตรู” ในกรุงเคียฟเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจน ว่าเป็นเครื่องบิน ขีปนาวุธ หรือโดรน และอากาศยานลำนั้นตกใส่อาคารที่พักอาศัยของประชาชนอีกแห่งหนึ่ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 5 คน.

เครดิตภาพ : REUTERS