สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ว่านายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง แถลงต่อที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (เอ็นพีซี) ครั้งที่ 13 ในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันเสาร์ มีเนื้อหาในตอนหนึ่ง ว่าการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ความมั่นคง และผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่จีนยังคงต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น
China plans 7.1% defence spending rise this year, outpacing GDP target https://t.co/qiV4SCrCZi pic.twitter.com/oaf3j7PsRX
— Reuters (@Reuters) March 5, 2022
ด้วยเหตุนี้ ในส่วนของงบประมาณกลาโหมประจำแผนงบประมาณปัจจุบัน จะอยู่ที่ 1.45 ล้านล้านหยวน (ราว 7.5 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า และเป็นสัดส่วนมากที่สุด นับตั้งแต่การตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ที่ 7.5% เมื่อปี 2562
แม้งบประมาณด้านกลาโหมของจีนมีสัดส่วนเพียง 1 ใน 3 ของงบประมาณกลาโหมสหรัฐ แต่รัฐบาลวอชิงตันจับตาการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวของรัฐบาลปักกิ่ง และข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดทุกครั้ง บนสมมุติฐานที่ว่า “จีนเปิดเผยตัวเลขต่ำกว่าความเป็นจริง”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจีนขยายความเพิ่มเติมเล็กน้อย ว่างบประมาณส่วนใหญ่จะได้รับการจัดสรรเพื่อการพัฒนาด้านโลจิสติกส์ให้แก่กองทัพปลดปล่อยประชาชน (พีแอลเอ) การบริหารจัดการทรัพย์สินของกองทัพ และการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่หมายเลขสองของรัฐบาลปักกิ่งยังกล่าวถึง “ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ” ที่หมายถึงเรื่องของไต้หวัน ว่าแผ่นดินใหญ่ยึดมั่น “หลักการจีนเดียว” ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า “ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน” และรัฐบาลปักกิ่งมุ่งมั่นการรวมชาติให้เกิดขึ้น บนวิถีทางแห่งสันติ
China will advance the peaceful growth of relations across the Taiwan Strait and the reunification of China, and firmly opposes any separatist activities seeking "Taiwan independence" and foreign interference: a government work report #TwoSessions pic.twitter.com/WPyYSXI6w2
— China Xinhua News (@XHNews) March 5, 2022
อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกัน จีนคัดค้านการเคลื่อนไหวของ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” และ “การแทรกแซงจากภายนอก” อนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น นายไมค์ ปอมเปโอ อดีต รมว.การต่างประเทศสหรัฐ เยือนกรุงไทเป โดยได้รับการต้อนรับจาก ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวิน ซึ่งมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดให้ และปอมเปโอกล่าวว่า “ถึงเวลาแล้ว” ที่สหรัฐต้อง “ให้การยอมรับอย่างเป็นทางการ” ต่อไต้หวัน.
เครดิตภาพ : REUTERS