เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 5 มี.ค. ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายฉัตรชัย วิริยะเวชกุล อธิบดีกรมการกงสุลกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเดินทางมารอต้อนรับแรงงานไทยในยูเครน 61 คน ที่อพยพหนีภัยสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งจะเดินทางมาถึงในเวลา 06.50 น. ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 971 จากสนามบิน ZURICH มายังสนามบินสุวรรณภูมิ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ซึ่งแรงงานไทยชุดนี้ถือเป็นแรงงานไทยชุดที่ 4 ที่ได้รับการช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ซอ ที่ให้การช่วยเหลืออพยพคนไทยในยูเครนและส่งกลับไทยโดยสวัสดิภาพ

นางพรพัฒน์ เล็กสูงเนิน ชาวไทยจากจังหวัดนครราชสีมา เล่านาทีหนีตายจากเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ว่า เห็นการณ์เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ตนและเพื่อนร่วมงานได้ติดต่อสถานทูตเพื่อรอการอพยพไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เร็วกว่าที่คิด ซึ่งในวันนั้นตนยังมีแผนที่จะต้องไปทำงาน แต่พอตื่นเช้ามาพบว่าเริ่มเห็นความวุ่นวายของชาวยูเครนในพื้นที่ รวมถึงเริ่มมีเสียงระเบิดเกิดขึ้น ยอมรับว่ากลัวมาก จนกระทั่งนายจ้างติดต่อแจ้งว่าจำเป็นต้องอพยพออกจากเคียฟและกลับไทย ซึ่งให้หลบภัยในที่พักก่อน รอรถมารับจนกระทั่งมีรถบัสเล็กมารับจากที่พัก ซึ่งจะต้องเดินทางมายังสนามบิน ใช้เวลา 15 ชั่วโมง และตลอดการเดินทางเห็นการปะทะกันอย่างรุนแรง แม้กระทั่งถูกรถถังตัดหน้ารถบัสที่ตนนั่งโดยสารมา ไม่เว้นแม้แต่กระสุนปืนใหญ่ที่ข้ามหัวขณะนั่งรถผ่านเมืองเคียฟ ตนพอก้าวขึ้นเครื่องบิน กลับได้ก็รู้สึกถึงความปลอดภัยและได้กลับบ้านเกิดแล้ว

นายฉัตรชัย ระบุว่า วันนี้มีคนไทยเดินทางกลับจากยูเครน 61คน ถ้านับจากที่เราช่วยเหลือมาเมื่อวันที่ 2 รวม 96 คน และวันที่ 3 อีก 40 คน รวมที่กระทรวงการต่างประเทศ และที่เดินทางออกมาเองอีกประมาณ 3-4 คน เป็น 203 คน ซึ่งเกือบจะครบทุกคนแล้วที่มีความจำเป็นต้องเดินทางออกมา เราก็ได้ให้การช่วยเหลือให้กลับมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ นับเป็นความร่วมมือที่ดีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ช่วยดูแลเรื่องสถานที่ ทางกระทรวงคมนาคมได้ช่วยจัดรถไปส่งที่สถาบันบำราศนราดูร และได้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดูเรื่องการสวอบเรื่องสถานที่กักกันตัวเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขของไทย ก็ถือว่าภารกิจที่ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยเหลือคนไทยให้ดีที่สุด ซึ่งได้ดำเนินการมาเกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว โดยจะมีเดินทางกลับมาอีกหนึ่งชุด น่าจะเป็นวันจันทร์ที่ 7 มี.ค.นี้ อีกประมาณ 20 กว่าคน ก็เรียกว่าเป็นชุดท้ายๆ

อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวอีกว่า สำหรับคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับ รอให้สถานทูตทั้งสองแห่งที่ช่วย คือสถานทูตไทยที่กรุงวอร์ซอกับสถานทูตไทยที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย สองจุดที่รอรับคนไทยที่จะกลับประเทศไทย จริงๆ สถานทูตก็ได้มีการประสานทางคนไทยในยูเครนตั้งแต่เริ่มก่อนที่จะเกิดความวุ่นวายไว้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องทำอยางไรบ้าง ซึ่งนายจ้างก็ให้ความร่วมมือที่ดีกับทางสถานทูตในเรื่องการจัดรถ จัดสถานที่พักชั่วคราว ก่อนที่จะเดินทางออกมา ซึ่งการเดินทางมาจากแต่ละเมือง มาถึงเมืองที่เราตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทย ที่อยู่ห่างไกลก็ต้องดูแลกันตลอดเส้นทาง เมื่อมาถึงแล้วเราก็ทยอยพาข้ามแดนออกมา เพื่อมาขึ้นเครื่องบินกลับ และตอนนี้คนไทยที่ไม่ประสงค์เดินทางกลับมีประมาณ 20 กว่าคน เพราะเขามีครอบครัวอยู่ที่ยูเครน และจากตัวเลขที่สถานทูตได้เช็ก เข้าใจว่ามีอีกเพียง 1 คนเท่านั้น ที่อยู่ระหว่างการเดินทาง ที่เหลือได้ทยอยเข้ารอที่ศูนย์พักคอยศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยที่เมืองลวีฟ ซึ่งอีก 1 คนที่เหลือ น่าจะอยู่ที่กลางเมืองเคียฟ แต่ทางสถานทูตอยู่ระหว่างติดต่ออยู่ว่า ถ้ามีความปลอดภัยในการเดินทางก็คงหาทางเคลื่อนย้ายออกมา.