สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงเมื่อวันศุกร์ ยกระดับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียเพิ่มเติม สืบเนื่องจากวิกฤติการณ์ในยูเครน ด้วยการระงับนำเข้าเพชร อาหารทะเล และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงวอดก้าของรัสเซีย ตลอดจน “สินค้าฟุ่มเฟือย” อีกหลายรายการที่ผลิตและส่งออกมาจากรัสเซียด้วย โดยผู้นำสหรัฐเชื่อมั่นว่า การเพิ่มแรงกดดันครั้งนี้ จะทำให้รัสเซียค้าขายกับอเมริกาได้ยากขึ้น


ขณะเดียวกัน สหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 แห่ง หรือ “จี 7” มีมติร่วมกัน ยกเลิกสถานะพิเศษทางการค้า “ชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง” (Most Favoured Nation : MFN) หรือ “เอ็มเอฟเอ็น” ของรัสเซีย หมายความว่า จากเดิมที่ภาครัฐและภาคเอกชนของรัสเซียได้รับการปฏิบัติทางการค้าอย่างเท่าเทียมตามมาตรฐานโลก “จะไม่มีอีกต่อไป” ทำให้นับจากนี้ สหรัฐและพันธมิตรตะวันตกจะสามารถกำหนดและเพิ่มกำแพงภาษีสินค้าและบริการของรัสเซียได้ ยิ่งเป็นการโดดเดี่ยวเศรษฐกิจของรัสเซีย ในระดับเดียวกับเกาหลีเหนือ และคิวบา


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 3 วัน หลังผู้นำสหรัฐประกาศมาตรการ “โจมตีเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจรัสเซีย” นั่นคือ “การระงับนำเข้าน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) และพลังงานทุกชนิดที่มาจากรัสเซีย” หมายความว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ท่าเรือของสหรัฐจะไม่ยอมรับเรือบรรทุกน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน แอลเอ็นจี และพลังงานทุกชนิด ซึ่งมีต้นทางมาจากรัสเซียอีกต่อไป


อย่างไรก็ตาม ไบเดนยอมรับและเตือนทุกภาคส่วนในสหรัฐ ว่า “การปกป้องเสรีภาพย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย” โดยอเมริกันชนจะได้รับแรงเสียดทานเพิ่มขึ้น จากค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งแก้ไข.

เครดิตภาพ : REUTERS