สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียเข้ามาปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา กองทัพยูเครนสูญเสียกำลังพลไปแล้วประมาณ 1,300 นาย อย่างไรก็ตาม ขอบเขตของความเสียหายจากการโจมตีบ่งชี้ว่า เมืองขนาดเล็กบางแห่งในประเทศ “พังราบเป็นหน้ากลอง” จนยากที่จะฟื้นฟูได้อีก


ทั้งนี้ ผู้นำยูเครนยังคงยืนยันว่า ทหารทุกนายจะต่อสู้จนถึงที่สุด เพื่อต้านทานการรุกรานของกองทัพรัสเซีย แต่จะยกเว้นพื้นที่ซึ่งมีการตกลงให้เป็น “ระเบียงมนุษยธรรม” หนึ่งในนั้นคือเมืองมาริอูโปล ซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตอนใต้ และเรียกร้องรัฐบาลมอสโกปฏิบัติแบบเดียวกัน


เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเจรจาระดับผู้นำ เซเลนสกียืนยันว่า เขามีความพร้อมพบหารือโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย อย่างไรก็ตาม เขาขอให้นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำอิสราเอล ทำหน้าที่คนกลาง และเสนอการเจรจาที่เมืองเยรูซาเลมของอิสราเอล


ด้านนายเซอร์เกล ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ ว่ารัฐบาลมอสโกไม่ปิดกั้นโอกาสและความเป็นไปได้ ในการเจรจาโดยตรงระหว่างปูตินกับเซเลนสกี ตราบใดที่การพบหารือ “ไม่ใช่แค่คุยผิวเผิน”.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES