เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการจัดหาบริษัทมาบริหารจัดการน้ำประปาในพื้นที่ภาคตะวันออก ว่า สืบเนื่องจากการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งมีทั้งหมด 3 โครงการคือโครงการระยะที่ 1 หนองค้อ แหลมฉบับ และโครงการดอกกราย มาบตาพุด สัตหีบ โครงการระยะที่ 2 โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ และโครงการที่ 3 คือโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ-แหลมฉบัง ซึ่งทั้งหมดบริหารงานโดยบริษัทอีสวอร์เตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดขึ้นจากมติครม.เมื่อปี 2535 มีการประปาภูมิภาคถือหุ้น 40% การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยถือ 5% ดังนั้นถือเป็นบริษัทลูกของการประปาส่วนภูมิภาค และถือเป็นของรัฐ อย่างไรก็ตามทั้ง 3 โครงการนี้จะสิ้นสุดสัญญา 30 ปี ในวันที่ 31 ธ.ค. 2566 นี้ และขณะนี้จะมีการพิจารณาทำเป็นสัญญาเดียว แต่มีปัญหาเรื่องการจัดหาบริษัทมาบริหารจัดการ โดยมีการเปิดยื่นซอง 2 ครั้ง ครั้งแรกบริษัทอีสวอร์เตอร์ชนะการประชุม แต่มีการยกเลิก ให้มีการเกิดยื่นซองใหม่ ทำให้บริษัทอีวอร์เตอร์ยื่นฟ้องศาลปกครอง และอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี
อย่างไรก็ตาม เชิญบริษัทเอกชนเข้ามาร่วมใหม่ 3 บริษัทพร้อมปรับทีโออาร์ใหม่ คือ 1.ยกเลิกลักษณ์ต้องห้ามของผู้เสนอฯ จากเดิมระบุว่าต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกหน่วยงานของรัฐบอกเลิกสัญญาก็เอาออกไป 2. ปรับลดทุนจดทะเบียนผู้ยื่นฯ จาก 500 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท 3.ปรับลดหนังสือรับรองวงเงินสินเชื่อจาก 800 ล้านบาทเหลือ 300 ล้านบาท 4.เปลี่ยนข้อกำหนดผู้ยื่นฯ จากเดิมต้องเป็นนิติบุคคลผู้มีอาชีพและประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจและหรือบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำ ก็เปลี่ยนมาเป็นต้องเป็นนิติบุคคลที่ดำเนินการสาธารณูปโภคเกี่ยวกับการจัดการน้ำ ทำให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้ชนะให้ผลประโยชน์กับรัฐมากที่สุด 25,693 ล้านบาทขณะที่อีสวอร์เตอร์ ให้ทั้งหมด 24,213 วงษ์สยามให้ 25,693 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเมื่อดูความสามารถในการจ่ายพบว่าบริษัทเอกชนดังกล่าวมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,247 ล้าน แปลว่าขายบริษัท ขายทุกอย่างมีทั้งหมดแค่นี้ เพราะฉะนั้นขายทั้งหมดแล้วยังไม่มีเงินมาจ่ายจำนวน 1,450 ล้านบาทเลย เทียบกับบริษัทอีสวอร์เตอร์แล้วมีมากกว่า ดังนั้นตนจึงแปลกใจเพราะเร่งรีบทำในเดือน ก.ย. ทั้งที่อธิบดีกรมธนารักษ์กำลังจะเกษียณอายุราชการ
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2565 ซึ่งเป็นอธิบดีกรมธนารักษ์คนใหม่แล้ว คณะกรรมการที่ราชพัสดุได้มีการหารือเรื่องนี้ โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ในฐานะประธานกรรมการฯ ได้มอบหมายให้ ดร.สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นประธานแทน ซึ่งที่ประชุมมีมติ 6 ต่อ 4 เสียง ให้ชะลอการพิจารณาการอนุมัติผลการคัดเลือกตามประกาศเชิญชวนวันที่ 10 ก.ย. 2564 ไปก่อนเพื่อรอผลการพิจารณาของศาลปกครองที่บริษัทอีสวอร์เตอร์ยื่นฟ้องก่อน แต่ล่าสุดคณะอนุกรรมการราชพัสดุ ไม่รอศาลปกครอง แต่นัดประชุมผลการคัดเลือกพิจารณาอนุมัติให้บริษัทเอกชนแห่งใหม่ได้ทำสัญญาในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ต้องถามว่ามาว่าทำไมถึงรีบร้อน เร่งรีบ ทั้งที่สัญญาจะหมดปี 2566 แล้ว 3 ป. คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ซึ่งดูแลการประปาภูมิภาค ซึ่งบริษัทอีสวอร์เตอร์เหมือนบริษัทลูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน กรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งเป็นประธาน EEC และ 1 ช. คือ ดร.สันติ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทั้งหมดนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ที่ปล่อยให้อีสวอร์เตอร์ซึ่งเปนเหมือนบริษัทลูกของประปาภูมิภาค จะล้ม
“ถามว่าทำไมต้องรีบ รวบรัดทั้งที่จะหมดสัญญา 31 ธ.ค. 66 เรียนว่าให้เดินหน้าท้าดร.สันติ ให้อนุมัติให้บริษัทเอกชนใหม่ชนะเลย แล้วเพื่อไทยฐานะพรรคหลักฝ่ายค้านจะเป็นหัวหอกเปิดอภิปราย 3 ป. กับ 1 ช. พร้อมกัน แล้วอย่างมาบอกวาเพื่อไทยไม่มีข้อมูล ย้ำว่าไม่ได้เป็นเอกสารที่เอาข่าวมาตัดแปะแน่นอน เราพร้อมสำหรับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 ป. 1 ช. รอพบกันได้เลย พรรคเพื่อไทยพร้อม ไม่ต้องห่วงวันที่ 23 พ.ค. 08.30 น. รอได้เลย” นายยุทธพงศ์ กล่าวและว่า คิดว่าถ้าบริษัทเอกชนใหม่จ่ายตลอดสัญญา 2.5 หมื่นล้านบาท 30 ปี แสดงว่าเรื่องนี้รายได้เขาต้องไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท วันนี้คุณกำลังจะทำลายบริษัทอีสวอร์เตอร์ ที่ ครม.ปี 2535 ตั้งขึ้นมา บริษัทนี้มีกำไรมาก คนที่ได้มากก็คือประปาภูมิภาค กับการนิคมฯ ที่เหมือนเป็นของรัฐ แต่วันนี้สมบัติชาติเอาไปยกให้เอกชน ผูกขาดหรือไม่ แล้วน้ำจะราคาสูงเท่าไหร่ จะควบคุมอย่างไร ขอย้ำว่าวันนี้ที่เอามาเปิด ที่แฉนั้น แค่น้ำจิ้ม อภิปรายไม่ไว้วางใจมีข้อมูลมากกว่านี้ มีความสลับซับซ้อนมากกว่า 3 ป. 1.ช. เตรียมตัวได้เลย.