เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ความคืบหน้ากรณีนายพัดยศ ชลภักดี หรือ น้องเปรม อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 ระดับ ปวส.แผนกช่างกลโรงงาน ถูกรุ่นพี่รับน้องทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางบ้านเลขที่ 174 หมู่ 6 บ้านหนองหัววัว ต.กฤษณา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านที่น้องเปรมเคยอาศัยอยู่เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยม พบพ่อ แม่ น้อง ตา ยาย และเพื่อนบ้านกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น สภาพบ้านน้องเปรมที่อาศัยอยู่ที่โคราช มีสภาพทรุดโทรม ฐานะค่อนข้างยากจน ส่วนพ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไปและกรีดยาง ซึ่งทำงานอยู่ที่โคราชบ้าง ที่นครศรีธรรมราชบ้าง อยู่โคราชก็ทำงานรับจ้างทั่วไป อยู่ใต้ก็จะทำงานก่อสร้างและรับจ้างกรีดยาง โดยมีเพื่อนบ้านมาพูดคุยให้กำลังใจอยู่ภายในบ้าน

จากการสอบถาม นายเอกชัย ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า ตนกับภรรยามีลูกด้วยกัน 2 คน คนเล็กเป็นลูกสาวเรียนอยู่ ป.5 เป็นคนเรียนดี สอบได้ที่ 1 เป็นประจำ ส่วนคนโตคือ น้องเปรม เรียนใช้ได้ เล่นกีฬาเก่ง ตอนเรียนอยู่ใต้ก็ได้โควตากีฬาฟุตบอลไปเรียนต่อระดับ ม.ต้น พอมัธยมปลาย ย้ายมาที่โคราชก็เคยได้โควตาไปเรียนที่ รร.ด่านเกวียน หลังจากจบชั้น ม.6 ตนตั้งใจจะให้ลูกพักการเรียนเพื่อตั้งหลักทำงานทำการแล้วค่อยเรียนใหม่ในปีต่อไป และตั้งใจจะชวนลงไปอยู่ที่ใต้ แต่ลูกชายต้องการจะเรียนต่อที่นี่ พยายามให้แม่ช่วยกล่อมแต่ลูกก็ไม่ยอม ไม่รู้อะไรดลใจตนได้พูดกับภรรยาว่า “ถ้าลูกเรียนที่นี่เกิดอะไรขึ้นแม่ต้องรับผิดชอบนะ” จนมาเกิดเหตุขึ้นในที่สุด

ส่วนที่แฟนของลูกชายท้อง ทางครอบครัวก็เพิ่งรู้หลังเกิดเหตุ เรื่องมีแฟนพอรู้มาบ้างเป็นธรรมดาของวัยรุ่น แต่เรื่องที่แฟนสาวตั้งท้องได้ 2 เดือน เพิ่งรู้หลังเกิดเหตุ ไม่รู้เช่นกันว่าจะทำยังไงต่อไป ด้านการดำเนินคดีกับรุ่นพี่ที่ร่วมกันก่อเหตุตนอยากให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ส่วนการเคลื่อนศพตอนนี้อยู่ รพ.ตำรวจ คาดว่าจะผ่าพิสูจน์เสร็จวันนี้ ตั้งใจจะไม่ทำพิธีที่โคราช จะนำศพน้องลงไปจัดพิธีบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่ใต้หลังจากเรื่องคดีแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากถึงรุ่นพี่ทุกๆ คน จากสถาบันทุกๆ สถาบัน อย่าให้มีการจัดรับน้องแบบนี้อีก หรือถ้ามีก็จัดในลักษณะที่สังคมยอมรับได้ ไม่อยากให้เหตุการณ์ลักษณะอย่างนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวในอีกต่อไป.