เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครราชสีมา นำกำลังฝ่ายสืบสวนคุมตัวรุ่นพี่ทั้ง 7 คน ที่ก่อเหตุรับน้องโหด ทำให้ นายพัดยศ ชลภักดี หรือ “น้องเปรม” อายุ 19 ปี นักศึกษาปี 1 ปวส.ช่างกลโรงงาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ถึงแก่ชีวิต โดยทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย, ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ บริเวณไร่อ้อยโล่งเตียน บ้านโคกมะกอก หมู่ 14 ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ห่างจากรั้วมหาวิทยาลัย 20 กิโลเมตร

โดยเริ่มจาก รุ่นพี่ 6 คน ผลัดกันใช้หมัดชกที่หน้าอกและหน้าท้องของน้องเปรมคนละ 1 หมัด ส่วนอีกคนสั่งให้คลานปลาหมอ เป็นกิจกรรมรับน้องช่วง 2 ทุ่มจนถึงเที่ยงคืน ทำให้น้องเปรมซึ่งถูกชกจนหมดสติ เกิดอาการชักเกร็ง แม้จะพาตัวส่ง รพ. แต่สุดท้ายเสียชีวิตช่วง 5 ทุ่ม คืนวันที่ 13 มีนาคม ใช้เวลาทำแผน 10 นาที ก่อนให้ผู้ปกครองพากลับบ้านโดยไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี

ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับกลุ่มรุ่นพี่ชั้นปี 2 ทั้งหมด 25 คน ฐานความผิดทำให้ขายหน้าต่อธารกำนัล กรณีสั่งให้รุ่นน้องถอดเสื้อผ้า เปลือยกายล่อนจ้อนขณะทำกิจกรรมรับน้อง ซึ่งความผิดดังกล่าว รุ่นพี่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน และกำลังพิจารณาความผิดอื่น ๆ อีก เพื่อให้การดำเนินคดีครอบคลุมทุกประเด็น

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการทำสำนวนคดีอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมประสานผู้ปกครองนักศึกษารุ่นพี่ 7 คน และเจรจาการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวน้องเปรมผู้เสียชีวิต ขณะที่ผู้ปกครองรุ่นพี่คนอื่น ๆ พร้อมแสดงความรับผิดชอบ ช่วยเหลือเรื่องเงินเยียวยาตามความเหมาะสม

ด้าน นายศรัณย์ อ่องพิมาย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 บ้านโคกมะกอก เจ้าของไร่อ้อยจุดที่จัดกิจกรรมรับน้อง เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุช่วงค่ำ ๆ พบเห็นกลุ่มนักศึกษาจำนวนมากนั่งรถกระบะอัดแน่น ผ่านเข้ามาในพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าไปทำอะไรกัน จนกระทั่งทราบข่าวว่ามีการไปรับน้องในไร่อ้อยพื้นที่ของตน จนถึงแก่ความตาย โดยกิจกรรมรับน้องไม่ได้มีการขออนุญาตใช้พื้นที่แต่อย่างใด รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กำลังปรึกษากับญาติว่า อาจจะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มรุ่นพี่ข้อหาบุกรุกใช้สถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับคนอื่นต่อไป.