สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ว่า คณะตุลาการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก มีคำพิพากษา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ด้วยมติ 13 ต่อ 2 เสียง ให้รัสเซียยุติปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา “ทันที”


ขณะเดียวกัน ศาลโลกเรียกร้องรัสเซียสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย ว่ากองกำลังในยูเครนที่มีแนวคิดฝักใฝ่หรือได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลมอสโก จะไม่เคลื่อนไหวทางทหารเช่นกัน


ทั้งนี้ คำพิพากษาของศาลโลกมีผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่คณะตุลาการ “ไม่มีอำนาจสั่งการ” ให้มีการบังคับใช้คำตัดสินดังกล่าว อีกทั้งไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาชัดเจน ว่าคู่กรณีต้องปฏิบัติตามภายในเมื่อใด จึงเป็นเหตุให้หลายประเทศมักไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติตามแต่ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะประเทศมหาอำนาจ อาทิ กรณีคำพิพากษาของศาลโลก เมื่อปี 2561 ให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลเตหะรานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “สินค้าด้านมนุษยธรรม” เนื่องจากเป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของศาลโลก เป็นผลจากการร้องเรียนของยูเครน เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ขอให้ศาลโลก “มอบความคุ้มครองชั่วคราว” แก่ยูเครน “จากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”


ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แสดงความยินดีต่อคำพิพากษาของศาลโลก ว่าเป็น “ชัยชนะ” ของยูเครน ส่วนรัฐบาลมอสโกซึ่งไม่เคยส่งผู้แทนไปชี้แจงต่อคณะตุลาการ กล่าวว่า การพิจารณาคดีของศาลโลกครั้งนี้ “ไร้สาระ”.

เครดิตภาพ : REUTERS