จากกรณีเกิดเหตุไฟป่าโหมไหม้เขาภูสิงห์ ด้านหลังวัดพุทธาวาสภูสิงห์ อ.สหัสขันธ์ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 16 มี.ค.65 โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดสกัดเปลวเพลิงและทำแนวกันไฟ โดยใช้เวลานานกว่า 7 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเปลวเพลิงไว้ได้ สำรวจเบื้องต้นได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งจากพระครูสิริพัฒน์นิเทศก์ รองเจ้าคณะอำเภอสหัสขันธ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธาวาสภูสิงห์ ว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ได้เกิดกลุ่มควันขึ้นที่บริเวณด้านหลังวัด เชิงเขาภูสิงห์ ซึ่งเป็นจุดที่เคยถูกไฟป่าเผาผลาญและเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมเปลวเพลิงไว้ได้ตั้งแต่เมื่อคืนของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับเกิดการปะทุขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) มีบางจุดได้เกิดการปะทุขึ้นอีก และเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำรถดับเพลิงฉีดสกัด จนสามารถควบคุมเปลวเพลิงไว้ได้ ก่อนที่จะเกิดการปะทุและลุกไหม้ขึ้นอีกครั้งในช่วงนี้

ด้านพระครูสิริพัฒน์นิเทศ กล่าวว่า เมื่อเห็นกลุ่มควันที่เกิดจากไฟไหม้ป่าดังกล่าว เจ้าหน้าที่กู้ภัยเมตตาธรรม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายดับเพลิงขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งผู้นำชุมชน ชาวบ้าน ที่เฝ้าระวังเหตุอยู่แล้ว ได้เข้าทำการฉีดน้ำเพื่อสกัดเปลวไฟ แต่การปฏิบัติการก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากความลาดชันของเชิงเขา รถดับเพลิงเข้าไปไม่ถึงจุดที่เกิดไฟไม้  เจ้าหน้าที่ทำได้แค่ฉีดน้ำสกัดพื้นที่ป่าใกล้เคียง และทำแนวกันไฟ

ทั้งนี้ สาเหตุของการเกิดการปะทุ คาดว่าเกิดจากตอไม้ที่เคยถูกไฟเผาเมื่อ 1-2 วัน ก่อน ซึ่งเป็นในลักษะไฟสุมขอน พอถูกลมบนภูเขาพัด ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดและแห้งแล้ง จึงเกิดสะเก็ดไฟกระเด็นไปถูกหญ้าแห้งและใบไม้แห้ง และเกิดการลุกไหม้ดังกล่าว

“เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงนี้เริ่มเย็นตัวลง โดยมีกลุ่มเมฆฝนเคลื่อนตัวเข้ามาในพื้นที่ โดยทราบว่า พื้นที่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ฝั่ง อ.ยางตลาด และ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เริ่มที่จะมีฝนตกลงมาแล้ว คาดว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หากลมไม่เปลี่ยนทิศ ก็คงจะพัดเมฆฝนมาตกบริเวณ อ.สหัสขันธ์ และเขาภูสิงห์ และช่วยดับไฟบนเขาภูสิงห์ ที่กำลังลามไหม้เข้ามาใกล้เขตวัดมากขึ้นทุกขณะ อย่างไรก็ตาม ในส่วนพื้นที่ป่าหลังเชิงเขาภูสิงห์ที่ถูกไฟป่าโหมไหม้รอบ 3 หรือในช่วงบ่ายของวันนี้ คาดว่าจะได้รับความเสียหายประมาณ 200 ไร่ จากเดิมที่เคยเสียหาย 500 ไร่ รวมเป็นเสียหายประมาณ 700 ไร่” พระครูสิริพัฒน์นิเทศก์ กล่าว