เมื่อวันที่ 24 ก.ค. สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) แจ้งว่า นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการ กพท. ได้ออกประกาศเรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 4 เพื่อยกระดับการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคให้รัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการสำหรับกรณีผู้โดยสารที่เข้ามาประเทศไทยภายใต้โครงการนำร่องด้านการท่องเที่ยว (แซนด์บ็อกซ์) และต้องการเดินทางออกจากแซนด์บ็อกซ์ไปยังจังหวัดอื่นภายในประเทศ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.64 เป็นต้นไป

สำหรับประกาศดังกล่าวได้เพิ่มเติมแนวปฏิบัติสำหรับสนามบิน และสายการบินที่ยังคงให้บริการได้ในช่วงเวลานี้ โดยก่อนออกบัตรโดยสารให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันโรคของจังหวัดปลายทางอย่างเคร่งครัด และในกรณีการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัด แซนด์บ็อกซ์ไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร หากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นผู้โดยสารที่เข้ามาในราชอาณาจักรภายใต้โครงการแซนด์บ็อกซ์ให้ตรวจสอบหลักฐานการพำนักอยู่ในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ให้เป็นไปตามมาตรการก่อนเดินทางออกจากราชอาณาจักร หรือเดินทางออกนอกพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร หากเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้ระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสารนั้น โดยเงื่อนไขการเดินทางเข้า/ออกและมาตรการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัดสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ที่ https://www.moicovid.com/

อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.64 เป็นต้นไป จะมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ทำการบินเส้นทาง ภูเก็ต-สมุย และสายการบินนกแอร์ ทำการบินเส้นทาง ภูเก็ต-อู่ตะเภา โดย กพท. ได้ประสานกับสายการบินดังกล่าวแล้ว เพื่อเน้นย้ำให้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดและปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้โดยสารที่มาจากโครงการแซนด์บ็อกซ์ ที่ต้องการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นในประเทศไทย โปรดติดต่อสอบถามสายการบินก่อนการเดินทาง เพื่อให้มั่นใจว่าได้จัดเตรียมเอกสารครบถ้วนก่อนการเดินทาง เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นต่อไป.