สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ว่า นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สั่งเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน เมื่อเช้าตรู่วันที่ 24 ก.พ. กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายพื้นฐานหลายประการ เช่น เอาชนะกองทัพอากาศยูเครน แม้ว่ารัสเซียจะมีกำลังพลและอาวุธเหนือกว่ามาก

เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐรายหนึ่ง ซึ่งขอไม่เปิดเผยตัวตน เนื่องจากความอ่อนไหวของข้อมูล เผยว่า การประเมินประสิทธิภาพของขีปนาวุธนำวิถีแม่นยำของรัสเซีย ที่นำมาใช้ในสงครามรุกรานยูเครน พบว่า ประสบความล้มเหลวในอัตราสูงถึง 60% อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฯ ไม่แสดงหลักฐานสนับสนุนผลการประเมิน และไม่เปิดเผยว่า เหตุใดขีปนาวุธรัสเซียจึงล้มเหลวในอัตราสูงเช่นนี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธสงคราม กล่าวว่า อัตราความล้มเหลวของอาวุธ ตั้งแต่ 20% ขึ้นไป ถือว่าสูงมาก

การประเมินของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนในสัปดาห์นี้ ระบุว่า กองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธทุกชนิด โจมตีเป้าหมายในยูเครนไปแล้วกว่า 1,100 ลูก นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ส่วนข้อมูลของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ (ซีเอสไอเอส) ในสงครามยูเครนครั้งนี้ กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธ 2 รุ่นเป็นหลัก โดยเป็นขีปนาวุธแบบปล่อยจากเครื่องบินทั้งคู่ คือ เคเอช-555 (Kh-555) และ เคเอช-101 (Kh-101).

เครดิตภาพ – Reuters
เครดิตคลิป – Boom NEWS