เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart เกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในหัวข้อ “รูดม่าน” โดยมีรายละเอียดดังนี้ มีคำถามจากคนที่ติดตามและลุ้นการสู้รบในยูเครนจะจบเมื่อไร ยูเครนจะแพ้หรือรัสเซียจะเสียหน้า ทำไมการยึดกรุงเคียฟถึงได้ช้านัก

ก่อนอื่น การสู้รบครั้งนี้เกิดขึ้นบนพื้นที่ยูเครน คนยูเครนได้รับความสูญเสีย เดือดร้อนต้องอพยพหนีภัยสงครามออกนอกประเทศ ตัวเลขไม่ใช่ชัดเจนว่า กี่ล้านคนแล้ว แต่ทำไมผู้นำยูเครนไม่ประกาศยอมแพ้ แต่กลับมุ่งเดินหน้าสู้ หวังชนะ บนชีวิตของคนยูเครนและความเสียหายของบ้านเมือง

ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัสเซียก็ไม่รีบเผด็จศึก ไม่โจมตีอย่างสะเปะสะปะ แต่เลือกเป้าหมาย มุ่งเป้ากองกำลังที่ต่อต้านและเป็นอุปสรรคในการรุกคืบหน้ายึดกรุงเคียฟ

สาดน้ำใส่กัน มันต้องเปียก ต้องมีความสูญเสีย รัสเซียก็สูญเสียแต่ยูเครนหนักกว่า มันเป็นการรบด้วยความมุ่งหมายทางจิตวิทยา เอาให้เข็ดขยาด ทำลายชีวิตคนยูเครนให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่จะฟื้นตัวมากำแหงต่อรัสเซีย ต้องใช้เวลาอีกนับชั่วอายุคน

การขอความช่วยทางทหารจากนาโต กลายเป็นเรื่องยากเย็น สมาชิกนาโตชัดเจนว่า ไม่ส่งทหารเข้ายูเครน ไม่ประกาศเขตห้ามบินเหนือยูเครน นั่นคือ ไม่ต้องการรบกับรัสเซียเพราะรู้เต็มอกว่า การรบครั้งนี้ รัสเซียยังออกอาวุธไม่หมด สมาชิกนาโตไม่อยากเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับรัสเซีย คัดค้าน ประณาม แซงชั่นทางเศรษฐกิจรัสเซียที่รุกรานยูเครน แต่กลับส่งผลให้อียูเดือดร้อน ค่าครองชีพในอียูเพิ่มสูงขึ้นมาก กระทบต่อความอยู่รอดของผู้นำในประเทศสมาชิกอียู ดังนั้น หลายประเทศจึงไม่อยากร่วมมือแซงชั่นรัสเซีย

งานนี้ ปูตินจะถูกโค่นล้ม หรือผู้นำนาโตจะถูกล้ม

ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของโจ ไบเดน ถูกรัสเซียกล่าวหาเกี่ยวข้องสนับสนุนทางการเงินให้แล็บเคมีชีวภาพในยูเครน ที่น่าจะแอบทดลองผลิตอาวุธชีวภาพและนำไปแผ่กระจายทั่วโลก โดนเข้าเรื่องเดียว สื่อและฝ่ายตรงข้ามกับผู้นำอเมริกาก็เตรียมขุดคุ้ย เนื่องจากเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องการใช้ตำแหน่ง อำนาจหน้าที่เอื้อให้ลูกชายไปแสวงประโยชน์ งานนี้รัสเซียจะค่อยๆ ส่งข้อมูลออกมาเล่นงาน ทำลายความน่าเชื่อถือผู้นำอเมริกัน