เมื่อวันที่ 4 เม.ย. เวลา 07.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงและพบปะประชาชนที่บริเวณวัดบางนาใน ต่อเนื่องตลาดสี่แยกบางนา โดยกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตลาดสี่แยกบางนาพบว่ามีสภาพซบเซา พ่อค้าแม่ค้าสะท้อนปัญหาว่ากำลังซื้อลดน้อยลง ขณะที่ราคาของแพงขึ้น มองว่า กทม.ต้องให้ความสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ค้า รวมถึงต้องแก้ปัญหาโควิดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งจะมีผลทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยในตลาดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจซึ่งเป็นปัญหาใหญ่จะไม่เกี่ยวข้องกับ กทม.โดยตรง แต่ กทม.ต้องพยายามลดรายจ่ายให้ประชาชนมากที่สุด จากการลงพื้นที่บางนา เบื้องต้น กทม.ต้องแก้ปัญหาการระบายน้ำในพื้นที่เชื่อมต่อ จ.สมุทรปราการ แก้ปัญหาการคมนาคม โดยเฉพาะราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าที่ยังแพงอยู่ ซึ่งต้องทบทวนว่า กทม.จะทำเองหรือให้รัฐบาลทำ เพราะถ้าให้รัฐบาลทำ กทม.ไม่ต้องแบกรับภาระเรื่องการลงทุน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเทา และโมโนเรลสายบางนา-สุวรรณภูมิ ต้องหารือกับรัฐบาลว่าหน่วยงานไหนจะเป็นคนทำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน นอกจากนี้ มีแนวคิดเชื่อมต่อการเดินทางด้วยเรือไปยังบางกะเจ้า เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ริมน้ำ

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า กทม.ต้องผลักดันให้ รพ.บางนา เกิดขึ้นเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นศูนย์บริการสาธารณสุขฝั่งตะวันออก ประชาชนในชุมชนต้องเข้าถึงบริหารสาธาณสุขอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ มีแนวคิดที่จะพัฒนาพื้นที่ใต้ทางด่วนเป็นพื้นที่สีเขียวและทำลานกีฬาให้ประชาชนได้ใช้บริการ ขณะเดียวกัน พื้นที่เขตบางนา มีสวนสาธารณะน้อยมาก และมีหน่วยงานราชการในพื้นที่หลายหน่วย เช่น ทหารเรือ ซึ่งมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ กทม.สามารถประสานขอความร่วมมือในการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ และเปิดให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการได้ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ

สำหรับกระแสตอบรับเรื่องป้ายหาเสียง นายชัชชาติกล่าวว่ายืนยันแนวคิดเดิมว่าประชาชนคงไม่เลือกเราเพราะเห็นป้าย แต่การทำป้ายให้มีขนาดเล็กลง จำนวนน้อยลง ไม่เพียงแต่ลดต้นทุน เนื่องจากมองว่าป้ายหาเสียงที่ผ่านมามีผลกระทบกีดขวางทางเดินเท้าและบดบังทัศนียภาพ โดยป้ายหาเสียงดังกล่าวอาจจะเปลี่ยนโฉมการติดตั้งป้ายหาเสียงในอนาคตด้วยก็ได้ และต้นทุนถูกลงด้วย

เมื่อถามถึงผลโพลกระแสความนิยมผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. นายชัชชาติ กล่าวว่าไม่ได้คิดอะไรเลยกับผลโพล บางครั้งผลโพลก็หักปากกาเซียนมาตลอด จึงบอกกับทีมงานว่าอย่าไปสนใจโพล ให้ทำหน้าที่ของเรา แข่งกับตัวเอง ถ้าเราหลงผลโพล สุดท้ายเราไปผิดทาง ประชาชนก็อย่าไปเชื่อผลโพลมากสุดท้ายวันเลือกตั้งวันที่ 22 พ.ค.นี้ ให้ออกมาใช้สิทธิกันเยอะๆ เพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นฉันทามติของพวกเรา

เมื่อถามว่าจะมีกำหนดการปราศรัยใหญ่หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า เรื่องนี้เรากำลังคิดอยู่ เพราะทีมงานเป็นทีมอิสระและเป็นมือใหม่ ไม่เคยหาเสียงมาก่อน ตอนนี้เป็นการลงพื้นที่แบบวันต่อวัน อยู่ระหว่างคิดว่าการปราศรัยใหญ่จะได้ประโยชน์หรือไม่ เพราะเราไม่สามารถไปเกณฑ์คนมาฟังเราได้ เนื่องจากเราไม่มีฐานเสียง จึงคิดว่าเราอาจจะหาเสียงจากโซเชียลมีเดียดีกว่าไหม หรือจัดปราศรัยเล็กทางไลฟ์สด ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างหารือกัน

จากนั้นเวลา 08.00 น. นายชัชชาติ เดินทางไปวัดบางนานอก รับฟังปัญหาต่างๆ ซึ่งประชาชนและเจ้าอาวาสวัดบางนานอก ได้สะท้อนปัญหาเรื่องน้ำเสียในคลอง ปัจจุบัน กทม.มีโครงการในการทำระบบรวบรวมน้ำเสียเพื่อไปบำบัด ซึ่งระหว่างการดำเนินโครงการทำระบบรวบรวมน้ำเสีย หรือสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย กทม. ต้องดูแลระบบบำบัดน้ำเสียในชุมชนด้วย รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับการบำบัดน้ำเสียจากพื้นที่แหล่งกำเนิดน้ำเสีย เช่น หมู่บ้าน ซึ่งต้องมีการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่คลอง และกระตุ้นจิตสำนึกให้ชุมชนดูแลคลอง เพราะถ้าคลองดีก็จะสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ มองว่าน้ำเสียแสดงถึงคุณภาพของเมือง ซึ่งเมืองจะน่าอยู่ได้น้ำก็จะต้องดูสะอาดด้วย