สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนิน เขตเวสต์แบงก์ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ว่า กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันอิสราเอล ( ไอดีเอฟ ) ปฏิบัติการอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ เป็นวันที่สองติดต่อกัน นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 2 ราย เป็นหญิงชาวปาเลสไตน์อายุประมาณ 40 ปี เสียชีวิตที่เมืองเบธเลเฮม และหญิงอีกคนหนึ่ง เสียชีวิตที่เมืองเฮบรอน


ขณะที่แถลงการณ์ของไอดีเอฟให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เมืองเบธเลเฮม ว่าเจ้าหน้าที่ยิงเตือนขึ้นฟ้า เมื่อผู้ต้องสงสัยหญิงพยายามเข้าใกล้ และเมื่อเผชิญหน้ากัน เจ้าหน้าที่ยิงไปที่ “ร่างกายส่วนล่าง” ของหญิงคนดังกล่าว สื่อถึงการปฏิเสธโดยนัย ว่าการเสียชีวิตของหญิงคนนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับไอดีเอฟ


ด้านสื่อท้องถิ่นหลายแห่งของอิสราเอลและปาเลสไตน์รายงานไปในทางเดียวกัน ว่าฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลกำลังตามล่าตัวนายฟาตี ฮาเซ็ม บิดาของนายราอัด ฮาเซ็ม ชาวปาเลสไตน์ วัย 28 ปี ซึ่งก่อเหตุกราดยิงภายในบาร์แห่งหนึ่ง ในเขตใจกลางกรุงเทลอาวีฟ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 13 คน ส่วนราอัดถูกวิสามัญภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ

ผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ที่เมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์ ปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอล


ทั้งนี้ ค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองเจนินของเขตเวสต์แบงก์เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลเชื่อว่า ฟาตีหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่


อนึ่ง นับตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา อิสราเอลเผชิญกับเหตุรุนแรงหลายระลอก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 14 ราย ส่วนผู้ก่อเหตุมีทั้งชาวปาเลสไตน์ และชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเนตต์ ประกาศว่า หน่วยงานความมั่นคงทุกแห่งในอิสราเอล “มีอำนาจและอิสระอย่างเต็มที่” เพื่อป้องปรามและยับยั้งการเกิดเหตุรุนแรงในอนาคต


จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีบุคคลกลุ่มใดออกมาอ้างตัวว่า เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงหลายระลอกในอิสราเอล อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซา เผยแพร่แถลงการณ์ยกย่องกลุ่มผู้ก่อเหตุ แม้รัฐบาลปาเลสไตน์ประณามเหตุรุนแรงทั้งหมดก็ตาม.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES