เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการประกาศขุมเข้มสถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปี 65 นี้ โดยพบว่าผู้ที่เมาแล้วขับจะต้องถูกจับฟ้องศาลอย่างเดียวและไม่มีการประกันตัว ทั้งนี้ในส่วนของตำรวจภูธรจังหวัดพะเยานั้น ก็ได้มีการวางมาตรการกวดขันอย่างเข้มงวดเช่นกัน

พล.ต.ต.อนุชา อ่วมเจริญ ผบก.ภ.จว.พะเยา เปิดเผยว่า สถานการณ์ช่วงสงกรานต์หรือ 7 วันอันตรายนั้นพบในเรื่องอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง และทุกปีทางตำรวจภูธรจังหวัดพะเยาก็ได้มีการประชุมหารือเพื่อปรับเปลี่ยนแผนในการที่จะลดอุบัติเหตุให้น้อยลงด้วย ทั้งนี้ตนได้วางนโยบายให้กับโรงพักทั้ง 9 อำเภอ ภายในจังหวัดพะเยานี้ คือ ช่วง 7 วันนั้นจะให้ทุกโรงพักมีจุดตรวจกวดขัน 2 จุด ซึ่งจะต้องมีการตรวจวัดแอลกอฮอร์ถึง 10 จุดด้วยกัน จะต้องหมุนเวียนไปกันในแต่ละพื้นที่ที่โรงพักนั้นรับผิดชอบอยู่ อีกทั้งตนได้สั่งการให้มีการวางจุดกวดขันวินัยจราจรอีก 10 จุดด้วยกัน เพื่อให้เหตุการณ์ที่อาจเกิดอุบัติเหตุนั้นลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้แต่ละพื้นที่ที่โรงพักนั้น ๆ รับผิดชอบจะต้องมีชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเคลื่อนที่เร็ว ที่จะเข้าไปดูแลความเรียบร้อยภายในแต่ละหมู่บ้าน หากมีการจัดเล่นน้ำสงกรานต์ขึ้น และคอยกวดขันวินัยจราจร พร้อมทั้งว่ากล่าวตักเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน หากเข้าข่ายว่าจะมีความผิด

รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ในการขับขี่รถช่วงสงกรานต์นี้ด้วย โดยช่วง 7 วัน จะบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ในช่วงของการตั้งด่านกวดขันซึ่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา พบว่ามีผู้กระทำผิดทั้งหมด 1,500 กว่าราย โดยพบส่วนใหญ่เป็นในเรื่องของไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเกิดอุบัติเหตุ ที่อาจจะทำให้ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บด้วย ในส่วนของเมาแล้วขับนั้นพบว่าส่งดำเนินคดีไปแล้ว 150 กว่าราย รวมถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์ปีนี้ หลังจากประกาศรณรงค์เมาไม่ขับ 7 วันอันตราย ก็พบเจอผู้บาดเจ็บบนท้องถนนไปแล้ว 6 ราย และเสียชีวิตอีก 2 ราย โดยรายหนึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ปง เป็นเด็กอายุเพียง 18 ปี คาดไม่ชินทาง และอีก 1 รายเมื่อเช้านี้ เป็นคนมีอายุ ซึ่งเกิดเหตุบนถนนทางหลวง ทั้งนี้ตนอยากฝากเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ จ.พะเยา ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาคอยตักเตือนญาติของตัวเอง เวลาดื่มสุราเมาก็ควรให้นอนพัก อย่าได้ออกมาขับขี่บนท้องถนนจนอาจจะกลายเป็นอันตรายต่อเพื่อนร่วมทางด้วย

ด้าน พ.ต.ท.จีรวัฒน์ ปานสมบัติ รอง ผกก.สภ.เชียงคำ กล่าวว่า หลังจากมีนโยบายจากผู้บังคับบัญชาลงมานั้นตำรวจก็ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ซึ่งพบว่า หลังจากที่ได้ตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรและด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ช่วง 2 วันที่ผ่านมานั้น พบผู้กระทำผิดในพื้นที่ไปแล้ว 11 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นการดื่มสุราและขับขี่บนท้องถนน ซึ่งทุกรายจะต้องถูกแจ้งข้อหาและฝากขังที่ สภ.เชียงคำ ก่อนจะนำตัวส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปเช่นกัน