เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายการโหนกระแส โดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้เชิญผู้เสียหาย 3 ราย ในคดีล่วงละเมิดทางเพศ และ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เข้ามาพูดคุยเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น หลังจากมีการกล่าวหา ชายคนหนึ่งที่ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยมีการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจากปากของผู้เสียหายทั้ง 3 ราย คือ น.ส.เอ, บี และ ซี

โดย น.ส.บี เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังทำนองว่า เรื่องของตนเกิดเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 63 เป็นการล่วงละเมิดทางเพศ และไม่ถึงขนาดข่มขืน วันนั้นตนไปงานกินเลี้ยงของทีมงานหาเสียง ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นงานอะไร แต่พอไปหาเพื่อนแล้วเขามานั่งใกล้ แล้วก็พยายามโอบเอว ซึ่งหนูปฏิเสธไป เคยเจอกัน 3-4 งาน (รู้จักกันมาก่อน) ระหว่างเก็บของขึ้นรถที่ลานจอดรถและหันหลัง ก็โดนอีกฝ่ายล่วงละเมิดจับของสงวน ตอนนั้นรู้สึกเจ็บและตกใจ หันไปต่อว่า “…พี่ทำอะไรหนูแบบนี้น่าเกลียดนะ…” ปรากฏว่าเขาก็ยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินจากไป ภายหลังมีการติดต่อมาเพื่อจีบ แต่ตนปฏิเสธไม่อยากติดต่อกันอีก โดยคดีนี้ “ทนายตั้ม” กล่าวเสริมว่า ตนได้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว พบว่ามีเหตุการณ์ในวันนั้นจริง มีพยานที่เป็นเพื่อนเขาอีกด้วย เรื่องนี้คดียังไม่หมดอายุความ 15 ปี

ด้าน น.ส.ซี เล่าให้ฟังว่า เหตุเกิดปี 57 มีการนัดกันที่ร้านอาหาร รู้จักกันในปี 56 ที่งานอีเวนต์ มีการพาหนูไปออฟฟิศ โดยอ้างว่าไม่ปลอดภัย พอไปถึงก็พบว่าเป็นห้องโถง ก็พบว่ามีการก่อสร้าง แต่พอเข้าไปอีกนิดหนึ่ง เข้าไปเป็นห้องนอน มีการยื้อกันอยู่ 3 ชม. มีการยื่นข้อเสนอมา ทำให้เราต้องแกล้งชักและเป็นประจำเดือน แต่ก็ไม่เป็นผล จนบอกว่าจะไปแจ้งความ เขาก็บอกว่า ตำรวจจะทำอะไรได้ ใครจะเชื่อเธอ พ่อฉันเป็นใคร จากนั้นก็ถูกล่วงละเมิด ตอนหลังหนูเดินทางไปอเมริกา ก่อนจะกลับมาไทยปี 62 มีการไปร่วมงานกับพรรค พรรคหนึ่ง แต่เขาจำไม่ได้ ไม่รู้ว่าแกล้งจำไม่ได้หรือยังไง มีการสลับที่นั่งกัน คุยเรื่องงานและการทำงาน ก่อนจะชวนไปกินกาแฟกัน แต่ตนปฏิเสธไม่ไปด้วย ตอนนี้จะไปแจ้งความเอาผิด โดยก่อนหน้านี้กลัวว่าจะสู้เขาไม่ได้ กลัวว่าจะเป็นอันตราย ต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่ออกมาพูด ทนายตั้มกล่าวเสริมว่า มีหลักฐานเกี่ยวกับการโทรศัพท์ แต่เรื่องข่มขืนอันนี้ ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะอายุความขาดแล้ว

จากนั้นได้มีการนำเอาคลิปเสียงมาเปิดเผยในรายการ ซึ่งเป็นเสียงผู้ชายพูดคุยกับ น.ส.เอ มีการตัดพ้อต่อว่าและกราบขอร้องอย่าซ้ำเติม ที่สำคัญมีการกล่าวหาว่า เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองจากพรรคการเมืองหนึ่งด้วย โดย ทนายตั้ม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จริง ๆ การอัดเสียงของน้องผู้เสียหาย เหมือนว่าทางอีกฝ่ายรู้ตัว จึงพยายามกล่าวว่า ไม่ให้พูดและให้หยุด ๆ แต่เพราะตนมีอีก 3 คลิป ที่ต้องไปมอบให้พนักงานสอบสวน และหากนำมาเปิดเผย ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไปฆ่าตัวตายเสียก่อน

ทั้งนี้ น.ส.เอ กล่าวทำนองว่า ตนเป็นเจ้าของเสียงคุยกับฝ่ายชายในคลิป ที่ทนายตั้มเอาไปเปิดเผย เคสของตนยอมรับว่า ได้รับเงินจากเขา มีการล่วงละเมิดแบบสมยอมด้วย เพียงแต่ครั้งแรกไม่ได้ยินยอมแต่อย่างใด โดยครั้งแรก ปี 63 ที่เจอกัน เป็นงานอบรม อีกฝ่ายพาไปรูฟท็อป มีการลวนลามโอบกอดในลิฟต์ ตอนนั้นพยายามขัดขืน ไม่ยอมแต่อย่างใด จนมาเมื่อกลางปี 64 ได้ทำงานเกี่ยวกับการเงิน ซึ่งตอนนั้นเห็นว่าเขามีศักยภาพทางด้านนี้ มีการพูดคุยกัน อีกฝ่ายแนะนำให้มาคุยกันในออฟฟิศ และเมื่อไปถึง กลับกลายเป็นโดนล่วงละเมิดทางเพศ จากนั้นเขาก็ติดต่อมาเรื่อย ๆ ขายฝันว่าจะช่วยประสานงานเรื่องการเงินให้ ซึ่งตนบอกไปว่าไม่ต้องมาขายฝันหนูหรอก สำหรับการตกลงเรื่องรับเลี้ยงดูนั้น อยู่ในวงเงิน 5 หมื่นบาท มีการต่อรองของลดให้ครั้งแรก 3 หมื่น และหากจะเอาเงินก็ต้องไปหาเขาที่ออฟฟิศ

หนุ่ม กรรชัย ถาม น.ส.เอ ว่า หนูไม่รู้เหรอว่าเขามีภรรยาแล้ว น.ส.เอก กล่าวตอบว่า เขาอ้างว่าหย่ากับภรรยาแล้ว ไม่มีอะไรทางพฤตินัยแล้ว แต่ตอนหลังไปรู้ว่ายังมีอยู่ จึงเกิดการทะเลาะกัน ยิ่งมาเห็นข่าวที่เขาทำ จึงโพสต์ว่าให้เขาหยุดทำแบบนี้เถอะพี่ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ต้องการซ้ำเติมใคร หรืออยากให้ใครฆ่าตัวตาย ตนแค่อยากให้สังคมเห็นว่า ชายคนนี้มีพฤติกรรมแบบนั้นจริง ๆ เหยื่อไม่มีหลักฐานเรื่องเกิดนานแล้ว วันนี้แค่ออกมายืนยันว่า เขามีพฤติกรรมแบบนั้นจริง ๆ เหตุที่ยอมรับเงินเพราะว่าไม่อยากเสียอะไรไปฟรีให้แก่คน ๆ นี้ และคิดว่าหากแจ้งความเอาผิดก็ไม่ได้ เพราะพ่อเขาใหญ่โต

ด้าน ทนายตั้ม กล่าวเสริมว่า แม้ครั้ง 2-3-4 จะยอม แต่ครั้งแรก ไม่ยอม ยังไงก็ผิดอยู่ดี เพราะต้องดูความสมัครใจแต่ละครั้ง ซึ่งเคสนี้ตัดสินใจจะดำเนินคดีก็ได้

สำหรับรายสุดท้าย น.ส.ดี ได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ในรายการว่า เหตุเกิดในเดือนตุลาคมปี 59 ตนไปฟังเขาบรรยายเรื่อง เศรษฐกิจการลงทุน ซึ่งมองว่าเขาเป็นประสบการณ์ด้านนี้และเป็นคนดี แล้วบรรยายเสร็จแล้ว ก็ทิ้งรายละเอียดการติดต่อกับเขา และเมื่อติดต่อไปแล้ว เล่าให้เขาฟังว่า มีโปรเจคท์แต่ไม่มีเงินลงทุน ทำให้เขาเรียกเข้ามาคุยที่ออฟฟิศ ทำให้ตนดีใจมาก เพราะช่วยให้คำแนะนำและยังจะพาไปรู้จักเจ้าของบริษัทที่จะซื้อสินค้าด้วย ตนจึงเดินทางไปหาเขา แต่ก่อนเดินทางไป ปรากฏว่าอีกฝ่ายโทรศัพท์บอกออฟฟิศย่านถนนวิทยุ แต่พอเข้าไปกลับไม่มีใครอยู่ เมื่อเจอกัน เขาก็พาไปยังห้องประชุม ตนได้เตรียมโน้ตบุ๊กและเอกสาร แต่เขาบอกว่าแป๊บหนึ่ง มีการนำวิสกี้มาให้ดื่ม ด้วยความเกรงใจจึงดื่มไปครึ่งแก้ว เพราะไม่ได้กินอะไรรองท้องก่อน ปรากฏว่าไม่มีแรงอะไรเลย ทำให้ถูกอีกฝ่ายล่วงละเมิดทางเพศ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนตี 5 ของอีกวันหนึ่ง นอนอยู่ตรง รปภ.ที่แลกบัตร พอฟื้นขึ้นมาก็งงและเวียนหัว ขณะที่ รปภ.บอกว่า เห็นตนกำลังเมาไม่มีสติ ตรงป้ายรถเมล์ จึงได้พามานอนที่ป้อมยามก่อน

ส่วนที่ตนไม่ได้แจ้งความ เพราะไม่อยากเล่าให้ใครฟัง และอีกฝ่ายมีความรู้หน้าที่การงานใหญ่โต คิดว่าหากไปแจ้งความก็กลัวว่าจะเป็นเหยื่อคนเดียว คงไม่มีน้ำหนักที่จะไปเอาผิดเขาได้ ตอนนี้ได้ประสานกับทนายตั้มแล้ว อยากให้เคสของตนเป็นอุทาหรณ์ เตือนผู้หญิงหากไปคุยงานอย่าไปคนเดียว เราไม่รู้หรอกว่าดูดีโปรไฟล์ดีแค่ไหนสุดท้ายก็จะทำอะไรกับเราก็ได้ ขณะที่ ทนายตั้ม กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เคยมีเคสเกิดขึ้นที่อังกฤษ คล้าย ๆ กับเหตุการณ์ของ น.ส.ดี โดยผู้เสียหายดื่มเหล้าเข้าไปแล้วมึนงง กว่าจะรู้สึกตัวก็หลายชั่วโมง

ด้านหนุ่ม กรรชัย ได้กล่าวทิ้งท้ายทำนองว่า ตนขอโทษหากถามคำถามแล้ว ส่งผลต่อจิตใจของเหล่าผู้เสียหาย เพียงแต่เพราะต้องการบอกเล่าเป็นอุทาหรณ์เท่านั้น พร้อมกับขอบคุณผู้เสียหายที่กล้าออกมาเปิดเผยเรื่องราว โดยเฉพาะ น.ส.เอ ที่ “โคตรแมน” ยอมรับว่ามีการรับเลี้ยงดูกัน แต่เพราะทนเห็นเหยื่อถูกกระทำลักษณะเหมือนตัวเองไม่ได้ จึงออกมาเปิดโปง อย่างไรก็ตาม ท้ายรายการยังระบุด้วยว่า ทางรายการ “โหนกระแส” พร้อมเปิดกว้างอยากให้อีกฝ่ายเข้ามาพูดคุยชี้แจงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย.