เมื่อวันที่ 19 เม.ย. นายสมบัติ บุญงามอนงค์ อดีตแกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า นับว่าทั้ง 3 ได้จบชีวิตทางการเมืองเรียบร้อยแล้ว ยากที่จะหวนคืน ในบรรดาทั้ง 3 คนนี้ ผมเห็นใจคุณปารีณาที่สุด ทั้งปารีณาและแรมโบ้ข้ามฟากกลับลำมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งด้วยเหตุผลทางการเมือง ถ้าอยู่ฟากฝั่งเดิมก็แทบไม่มีโอกาสทางการเมืองและคงต้องติดคุกติดตะรางกันไป การข้ามฟากเปลี่ยนฝั่งจึงเป็นหนทางที่นำไปสู่การปลดชนวนเบื้องต้นและยังสามารถใกล้ชิดผู้มีอำนาจเพื่ออนาคตทางการเมืองของตน

สำหรับแรมโบ้การข้ามฟากไม่ใช่เรื่องยากอะไร และพร้อมเล่นบทบาทเลีย..นายใหม่ได้อย่างไม่กระดากลิ้น กลืนกิน…กับฝ่ายล้มล้างประชาธิปไตยได้อย่างหน้าชื่นตาบาน

ส่วนปารีณานั้นถ้าเราสังเกตแววตาของเธอตลอดระยะเวลาหลายปีนี้ เธอมีแววตาที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างมาก ผมคงไม่ขอวินิจฉัยอาการของเธอตรงนี้ แต่ถ้าเราติดตามการ Live หรือช่วงที่เธอร้องเพลง เล่น Tiktok มันเห็นได้ชัดว่าความคุกรุ่นภายในนั้นทั้งรุนแรงและสับสน เธอข้ามฝั่งได้ไม่เต็มร้อยเหมือนแรมโบ้ อย่างน้อยที่สุดจิตสำนึกด้านในของเธอย่อมรู้ว่าสิ่งใดถูกต้องกว่ากัน แม้ในที่สุดเธอเลือกที่จะเป็นปารีณาอย่างที่พวกเราเห็นกัน

กรณีสิระเขาขีดเส้นเดินและเลือกฝั่งนี้มาแต่ต้น ตั้งแต่การเสนอตัวเป็นศิษย์เอกของพุทธะอิสระ เล่นใหญ่ เสียงดัง เพื่อสร้างบารมีทางการเมืองผ่านบทนักบู๊ แต่ด้วยความกลวงของตนเองในอดีตที่พยายามปกปิดผ่านสถานะอันสูงส่งของตนเองในทางการเมือง มันย้อนกลับและล่มสลายเหมือนปราสาททรายที่ก่อไว้ริมหาดทราย

คลื่นของกระแสการเมืองซัดทุกฝ่าย คนดี คนเลว คนจริง คนลวง เมื่อพวกเขาล้มหายตายจากไปแล้ว คงเหลือไว้เพียงคำสรรเสริญหรือคราบน้ำลายที่ผู้คนถ่มถุยไว้

ลาก่อนนะครับ ถุยสสส์

ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเพจ สมบัติ บุญงามอนงค์