เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่ สน.ดุสิต นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมด้วยนายสุดสยาม มากแก้ว หรือ กิ๊ก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พิชัย มีอัฐมั่น รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดุสิต เพื่อให้ปากคำกรณีนำคลิปเสียงสนทนา ของนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ และ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะทำงานเฉพาะกิจตรวจสอบผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอขาย หรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด ออกมาโพสต์ตามสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเนื้อหาการสนทนามีการกล่าวถึงประเด็นการจับกุมขบวนการโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล และเกี่ยวพันกับทุนหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 นำไปสู่การแจ้งความเอาผิดคนที่นำมาเผยแพร่ โดยอ้างว่าเป็นการใส่ร้ายกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น

นายศรีสุวรรณ เปิดเผยอีกว่า วันนี้พานายสุดสยาม มารายงานตัวตามหมายเรียก ในข้อหา “หมิ่นประมาท และ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จระบบคอมพิวเตอร์” ตามที่นายเสกสกล แจ้งความไป ส่วนข้อเท็จจริงนั้น ซึ่งฝ่ายนายสุดสยาม จะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่ใช่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพียงแค่รู้จักกับนายเสกสกล และ นางจุรีพร และไปรับประทานอาหารกับนางจุรีพร ที่ซอยธนิยะ ย่านสีลม โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับมีคลิปเสียงเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ วันนี้นายสุดสยาม จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคู่กรณีมีพยานหลักฐานมากเพียงใด มาแจ้งความดำเนินคดี และหากตำรวจสอบสวนแล้วพบว่านายสุดสยาม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็เตรียมแจ้งข้อหา “แจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท” เนื่องจากทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนกรณีที่ทั้งสองให้การว่านายสุดสยามเป็นผู้บันทึกเสียงนั้น ก็เป็นการหาแพะรับบาปเท่านั้น

นายศรีสุวรรณ เปิดเผยอีกว่า ปกติแล้วนายสุดสยาม มีอาชีพขายรถมือสอง และรับพิมพ์ลายเสื้อ เพิ่งได้รู้จักกับนางจุรีพร เมื่อไม่นานมานี้ จากการว่าจ้างให้พิมพ์ลายเสื้อ จึงมีโอกาสไปทานอาหารกับนางจุรีพร แต่ไม่คิดว่าจะถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้บันทึกเสียง โดยหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้โทรศัพท์เข้ามาข่มขู่นายสุดสยาม ทำให้เกิดความหวาดกลัว จึงขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้ ซึ่งนักการเมืองอยากทำอะไรก็เป็นเรื่องของนักการเมือง อย่านำคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง

ขณะที่ นายสุดสยาม เปิดเผยว่า เมื่อได้ทราบเรื่องดังกล่าว จึงมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนรายละเอียดขอให้การในชั้นสอบสวน ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้บันทึกเสียง โดยวันเกิดเหตุไปทานข้าวกับนางจุรีพร และมีการสนทนากันในเรื่องดังกล่าวจริง โดยในร้านมีคนเยอะ แต่ในโต๊ะที่ตนนั่งมีแค่นางจุรีพรและตนเอง นอกนั้นเป็นลูกน้องของนางจุรีพร 5-6 คน อยู่บริเวณโต๊ะอื่น ส่วนท่าทีการพูดคุยของนางจุรีพร ขอให้ใช้วิจารณญาณพิจารณากันเอง ซึ่งเนื้อหาในบทสนทนา นั้นตามในคลิปเสียง เป็นการพูดคุยกันประมาณ 2 นาที โดยจุรีพรเปิดลำโพงขณะสนทนาจริง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเปิดลำโพงทำไม คิดว่าโต๊ะอื่นก็ได้ยินเช่นเดียวกัน โดยผู้ที่อยู่ใกล้นางจุรีพรมีแค่ตนเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้บันทึกเสียง

นายสุดสยาม เปิดเผยอีกว่า หลังจากที่ได้รู้จักกับนางจุรีพร ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับสกรีนลายเสื้อแล้ว ก็ได้มีการพูดคุยว่า ตนเองอยากได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงติดต่อนางจุรีพรไป จนได้ไปพบนายเสกสกล หรือ แรมโบ้อีสาน ที่สำนักงาน หลังจากนั้นไปร่วมทานอาหารกับนางจุรีพร ก่อนจะมาทราบเรื่องตามที่มีการนำเสนอข่าว หลังมีข่าวออกไปก็ยังไม่ได้พูดคุยกับทั้งสองคนแต่อย่างใด และไม่เข้าใจว่ามีเจตนาอย่างไรจึงแจ้งความเอาผิดตน.