เมื่อที่ 20 เม.ย. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ หลังออกมาแถลงถึงคดีของ นางเอกสาว แตงโม นิดา ว่า ตนเชื่อว่าคดีนี้อาจเป็นฆาตกรรม ทางตำรวจมีพิรุธหลายอย่าง อย่างบาดแผลต้นขาขวาของแตงโม เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ อ้างอิงบทความวิเคราะห์จากอดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎ ว่า ขอบของรอยบาดแผลรอยตัดมีความคม และไม่ปรากฏรอยช้ำรอบปากแผล รวมถึงไม่ใช่แผลที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิต และเกิดก่อนการเสียชีวิต

นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าลักษณะของบาดแผลไม่ได้เกิดจาดใบพัดเรือหรือฟินเรือแต่อย่างใด เพราะบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือขณะกำลังหมุนจะมีลักษณะฉีกขาดหลายแผลลึกและขนานกัน ซึ่งบาดแผลลักษณะดังกล่าว เป็นไปไม่ได้ที่แตงโมจะตกท้ายเรือ อีกข้อพิรุธคือ การย้ายศพแตงโมไปผ่าชันสูตร อยู่ๆก็มีผู้ยิ่งใหญ่คนมีสี โทรฯมาขอให้ย้ายศพไป รพ.ตำรวจ ซึ่งตามระเบียบต้องผ่าชันสูตรที่ รพ.รังสิต มันทำให้คดีนี้ดูมีพิรุธเพราะมีการเคลื่อนย้ายศพ ข้อต่อมาเรื่องการย้ายเรือซึ่งเป็นวัตถุพยานของกลาง จริงๆต้องมีการอายัดเรือและส่งมอบต่อเพื่อเอาไปควบคุมไม่ให้มีคนเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่นี่กลับปล่อยให้เก็บเรือในอู่เอกชน และมีคนนอกเข้าไปยุ่งกับวัตถุพยาน

ส่วนกรณีพบเส้นผมที่ตำแหน่งด้านท้ายเรือและด้านข้างส่วนท้ายเรือทั้งหมด 3 เส้น มีการค้นหาพยานหลักฐานถึง 5 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.65 ซึ่งไม่พบเส้นผมผู้ใด แต่กลับมาพบในวันที่ 1 มี.ค.65 มีผลทางนิติวิทยาศาตร์ยืนยันว่าเส้นผมที่พบนั้นเป็นของ แตงโม เพียงคนเดียว จากการเข้าตรวจพิสูจน์หลักฐาน 3 ครั้งแรกนั้นไม่พบเส้นผมแต่อย่างใด แต่มาพบในการเก็บหลักฐานครั้งที่ 4 ซึ่งพบเส้นผมของแตงโมอยู่บริเวณท้ายเรือในส่วนที่อยู่ในน้ำ เป็นไปไม่ได้ที่กองพิสูจน์หลักฐานจะไม่พบหลักฐานเส้นผมใน 3 ครั้งแรก อีกทั้งบนเรือยังมีแค่เส้นผมของแตงโมเพียงคนเดียว ทำไมถึงไม่มีของกระติก หรือของแซน ด้วย แล้วทำไมทางพนักงานสอบสวนถึงให้ พฐ.มาเก็บเส้นผมในวันที่ 1 มี.ค.65 ทางร้อยเวรรู้ได้ยังไงว่าเส้นผมอยู่ใต้เรือ อีกทั้งเส้นผมที่เจออยู่ใต้เรือมันก็จะอยู่ในน้ำ เพราะมันเปียกขณะเรือวิ่ง น้ำมันก็ต้องพัดเส้นผมไปหมดแล้ว ทำไมมันถึงมาโผล่อยู่ท้องเรือได้ มันเกิดขึ้นจากธรรมชาติไม่ได้ ถ้าไม่มีคนทำ ตนจึงสงสัยว่าจะเป็นการสร้างหลักฐานขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับให้การของคนบนเรือหรือไม่

นายอัจฉริยะ ยังพูดถึงหลักฐานคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดที่ได้จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ. ที่แสดงให้เห็นว่า “แซน” นั่งอยู่บริเวณท้ายเรือในเวลา 22.06 น. เท่านั้น ในขณะที่เวลาอื่น แซนมานั่งอยู่ในบริเวณหลังคนขับเรือ โดยในคลิปวิดีโอ เวลา 22.32 น. ไม่ปรากฏว่ามีผู้ที่นั่งอยู่ท้ายเรือแต่อย่างใด ขัดแย้งกับคำให้การที่ว่าแซนนั่งอยู่ท้ายเรือขณะที่แตงโมพลัดตกแม่น้ำ ขณะที่ในเวลา 22.34. น. ตามเวลาที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดยังแสดงให้เห็นถึงเงาบริเวณท้ายเรือที่มีลักษณะคล้ายคนนั่งยอง ก่อนที่จะลุกและเดินกลับเข้าไปในเรือ สันนิษฐานว่าอาจเป็นเงาของแตงโมที่มานั่งท้ายเรือจริงก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในเรือ เชื่อว่าแตงโม น่าจะตกจากหัวเรือ และ “แซน” ให้การเท็จกับทางพนักงานสอบสวน เป็นการบิดเบือนพยานหลักฐาน ตนยืนยันว่าแตงโมตกหน้าเรือ ไม่ได้ตกท้ายเรือ ตนยังมีหลักฐานเด็ดอีก 2 ชุด ที่ตั้งใจจะเปิดในวันที่ 26 เม.ย.65 ถ้าตำรวจแถลงเสร็จ ก็จะเปิดหลักฐานยันกันไปเลย หลักฐานที่ว่าเป็นภาพนิ่ง และมีคนระดับประเทศการันตี

ประเด็นที่มีคนกล่าวหาว่าตนหิวแสง มองว่าเรื่องนี้เป็นการช่วยเหลือคนคนนึง ตนทำมาเป็นสิบปีจนคนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง เด็กคนนึงต้องได้รับความยุติธรรม คนตายพูดไม่ได้ แต่อัจฉริยะพูดแทนได้ อยากให้ประชาชนทั้งประเทศคิดเลยว่า คดีนี้ แซน มีเงินพันกว่าล้าน เขามีธุรกิจจิวเวลรี่ โรเบิร์ต ทำงานให้กับรัฐ ขายหุ้นได้สามพันกว่าล้าน ปอ มีธุรกิจซื้อขายรถ ตนอยากถามว่าคดีอย่างนี้ถ้าเป็นคดีคนจนตำรวจจะขยันขนาดนี้ไหม ขนาดเที่ยงคืนยังขยัน แต่คดีคนจนผ่านไปสามเดือนยังไม่คืบหน้าเลย ในวันพรุ่งนี้ (21 เม.ย.) จะเดินทางไปยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งเอาผิดกับพนักงานสอบสวนคดีแตงโม ในข้อหาละเลยการปฏิบัติหน้าที่

ส่วนกรณี ทนายเดชา ทนายคลายทุกข์ นั้น ถ้าเขายังปากแบบนี้ ตนก็อยากจะท้าเขาเลยว่าจะไปต่อยกันไหมที่ไหนตรงไหนก็ได้ เขาด่าตนทุกวัน ตนจัดให้แน่นอน อยู่ๆมากล่าวหาในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง จะมีใครยอมรับได้ไหม