สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ว่ากระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ ของการเลือกตั้งผู้นำประเทศรอบตัดสิน หรือรอบชิงดำ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำคนปัจจุบัน จากพรรคอ็อง มาร์ช ซึ่งเป็นพรรคสายกลาง ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 58.6% คิดเป็นประมาณ 18.77 ล้านคะแนน

FRANCE 24 English

ขณะที่คู่แข่งซึ่งเป็นคนเดิมจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2560 คือนางมารีน เลอ แปน จากพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (เอฟเอ็น) ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมขวาจัด ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 41.4% คิดเป็นประมาณ 13.29 ล้านคะแนน

FRANCE 24 English


ทั้งนี้ มาครง วัย 44 ปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกในรอบ 20 ปี ที่ชนะการเลือกตั้งสองสมัยติดต่อกัน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีฌัก ชีรัก ชนะการเลือกตั้ง เมื่อปี 2545 ปราศรัยประกาศชัยชนะที่หอไอเฟล ให้คำมั่น “เป็นประธานาธิบดีของทุกคน” โดยยอมรับว่า ผู้ที่มาลงคะแนนจำนวนไม่น้อย เลือกเขาเพียงเพราะไม่ต้องการให้เลอ แปน เป็นฝ่ายชนะ


ขณะเดียวกัน ส่วนผู้ที่มาใช้สิทธิแต่ไม่ลงคะแนนมากถึง 28% สูงที่สุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดี เมื่อปี 2512 นอกจากนี้ มาครงยืนยันว่า เขาจะเพิ่มการทำความเข้าใจ และแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพชีวิตของชาวฝรั่งเศสให้ดีขึ้นกว่านี้

นางมารีน เลอ แปน


ด้านเลอ แปน ปราศรัยท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนเช่นกัน มองว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ “ไม่ใช่ความพ่ายแพ้” ของพรรคขวาจัด “ซึ่งจะไม่มีวันทอดทิ้งชาวฝรั่งเศส” และยืนยันว่าพรรคของเธอจะต้องทำผลงานให้ดีชึ้นกว่าเดิม ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.นี้ ที่ผลการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่า พรรคขนาดเล็กทำผลงานได้ดีกว่าพรรคใหญ่


ส่วนปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำในยุโรป ล้วนเป็นไปในทางเดียวกัน คือ “โล่งใจ” ที่มาครงได้รับชัยชนะ เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผลสำรวจความคิดเห็นชาวฝรั่งเศสบ่งชี้ กระแสนิยมฝ่ายขวาที่มาแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES