จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “เตือนภัยคนดงมูลเหล็ก มีรถมีของมีค่าเก็บให้ดี มีโจรออกลักรถมอเตอร์ไซค์” พร้อมกับภาพของผู้ก่อเหตุ ต่อมามีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย อาทิ มันเป็นคนใบ้พูดไม่ได้แต่ขี้ขโมยของ, เหนือยกับมันบ้านอยู่ห้วยนาคมันลักเกือบทุกบ้าน ขึ้นบ้าน ขโมยของ ข่มขืนคนนี้คือคนอันตรายมากค่ะเป็นใบ้, คนแบบนี้ต้องตายสถานเดียวกลับตัวกลับใจไม่ได้แล้วค่ะ, เขามีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ไปไหนก็อันตราย กลับมาบ้านทีชาวบ้านก็กลัวกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น อยู่ติดถนนสายดงมูลเหล็ก-บ้านโคก ต.ดงมูลเหล็ก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ พบนางถาวร แก้วแท้ อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพรับซื้อ-ขายของเก่ามานานกว่า 15 ปีแล้ว ข้าวของต่างๆ ก็วางอยู่หน้าบ้าน รวมทั้งรถ จยย. ก็ไม่เคยถูกขโมยเลยสีกครั้ง จนกระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมา ลูกสาวที่นอนอยู่ชั้นล่างได้เห็นคนเดินอยู่ในบ้าน จึงได้บอกให้ตนและสามีลงมาดู จากนั้นจึงเดินตรวจสอบรอบๆ บ้าน และได้เห็นชายคนหนึ่งนั่งหลบอยู่หน้าร้านค้าใกล้ๆ กัน จึงได้สอบถาม แต่พบว่าชายดังกล่าวเป็นคนใบ้ และมีท่าทางพยายามขัดขืนและมีพิรุธ จึงได้ร้องเรียกให้เพื่อนบ้านมาช่วยกันจับตัวเอาไว้

นางถาวร กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า รถ จยย.ของตนเองที่จอดอยู่หน้าบ้านได้ถูกขโมยมาอยู่บนรถ จยย.พ่วงของชายดังกล่าว และระหว่างที่ควบคุมตัวอยู่นั้น ชายคนดังกล่าวก็ได้ดิ้นจนหลุด และวิ่งไปที่รถ จยย.พ่วง ก่อนทำท่าจะดึงอะไรสักอย่างออกมาจากใต้เบาะ ชาวบ้านจึงได้ช่วยกันรุมจับตัวอีกครั้ง จากนั้นจึงได้ไปตรวจสอบใต้เบาะพบว่า มีมีดปลายแหลมยาวเกือบ 1 ฟุต ซึ่งก็คาดว่าชายคนดังกล่าว จะพยายามเอามีดมาทำร้ายชาวบ้านอย่างแน่นอน นอกจากนั้น บนรถเข็นยังพบหม้อแปลงไฟฟ้าอีก 2 ลูก จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวส่ง สภ.เมืองเพชรบูรณ์

ด้านนางหนูแดง สมประสงค์ อายุ 53 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย และเป็นเจ้าของร้านค้าที่คนร้ายแอบซ่อนตัวอยู่ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนและสามีอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงเรียกให้มาช่วยจับคนร้าย สามีตนเองจึงออกมาช่วยจับและเป็นคนล็อกตัวคนร้าย ในตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าหม้อแปลงถูกขโมย กระทั่งในช่วงตี 4 กำลังจะทำขนมขาย จึงรู้ว่าหม้อแปลงหายไป

อย่างไรก็ตามขณะที่ผู้สื่อข่าวและผู้เสียหายกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ปรากฏว่าชายผู้ก่อเหตุที่ถูกตำรวจจับไปเมื่อคืน จู่ๆก็ได้เดินโผล่มาถามหารถ จยย.พ่วงของตัวเองที่บ้านผู้เสียหาย สร้างความตกใจและประหลาดใจแก่ผู้เสียหายเป็นอย่างมาก จึงได้ชี้บอกให้ไปที่ป้อมตำรวจที่อยู่ห่างออกไปราว 200 เมตร หลังจากนั้นอีกไม่นานชายคนดังกล่าวก็ขี่รถ จยย.พ่วงท้ายรถเข็น มาจอดหน้าบ้านผู้เสียหายรายที่ 2 จากนั้นถามหาหมวกกันน็อก และเมื่อได้หมวกน็อก ยกมือไหว้ผู้เสียหายก่อนที่จะขี่รถ จยย.พ่วงออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นางถาวร กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้พบว่าคนร้ายไม่ได้ถูกจับกุม ทำให้ตนมีความหวาดระแวง เกรงว่าจะมาก่อเหตุซ้ำอีก จึงได้ปรึกษากับครอบครัว เตรียมที่จะจ้างช่างมาทำรั้วกั้นรอบๆ บ้าน ซึ่งก็คาดว่าน่าจะเสียค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาท จึงอยากจะฝากผู้ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ หรือจัดการกับชายคนดังกล่าว เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะมาก่อเหตุอีกครั้ง และอาจจะเกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่านี้ก็เป็นได้.