แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกลูกหนัง ทว่าปัจจุบันดูเหมือนว่า พวกเขากำลังร่วงลงไปอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด หรือ จะเรียกว่าเป็น “กลียุค” ก็ไม่ผิดอะไร

            ภายใต้การกุมบังเหียนของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือชาวเมืองวิสกี อสูรแดง ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองได้ถึง 13 สมัย

ทว่าทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าหลัง เซอร์ อเล็กซ์ ตัดสินใจล้างมือในอ่างทองคำเพื่อหวนกลับไปให้เวลากับ เคธี ภรรยาสุดที่รักมากขึ้น เมื่อปี 2013

หลังการวางมือของ เฟอร์กี มีกุนซือที่ขันอาสาเข้ามาเพื่อกอบกู้ความยิ่งใหญ่กลับคืนมาให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้ว 4 รายคือ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ มูรินโญ และโอเล กุนนาร์ โซลชา

อย่างไรก็ตาม จากการบริหารโมสรที่เละตุ้มเป๊ะ เรียกได้ว่าเน่าเฟะตั้งแต่หัวยันหาง ทำให้ทั้ง 4 คนไม่สามารถฉุด แมนฯ ยูไนเต็ด ให้หวนกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะอยู่ได้

มิหนำซ้ำ ปิศาจแดง ยังตกต่ำลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในยุคของ มอยส์ ที่พวกเขาเก็บแต้มได้เพียง 64 คะแนนในฤดูกาล 2013/14 น้อยที่สุดนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกถือกำเนิดขึ้นมา

กระนั้นไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมที่มีขุมกำลังนักเตะค่าตัวแพงที่สุด และจ่ายค่าเหนื่อยสูงที่สุด กำลังจะพบกับ New Low หรือ ความตกต่ำที่ดำดิ่งลงไปยิ่งกว่าเดิม เมื่อ ราล์ฟ รังนิก กุนซือชาวเยอรมัน ที่เข้ามาสวมบทโค้ชคั่นเวลา ก่อนส่งไม้ต่อให้ เอริก เทน ฮาก ในช่วงซัมเมอร์นั้น กำลังจะพาทีมจบฤดูกาลในพรีเมียร์ลีกโดยมีแต้มน้อยที่สุดในประวิติศาสตร์สโมสร

หลังบุกไปโดน ไบรท์ตัน ถล่มแบบหมดรูสู้ 4-0 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงรั้งอยู่ในอันดับ 6 โดยมี 58 คะแนนจากการลงเล่น 37 นัด นั่นหมายความว่า ต่อให้เก็บชัยเหนือ คริสตัล พาเลซ ได้ในเกมส่งท้ายซีซั่นได้สำเร็จ พวกเขาก็จะจบฤดูกาลโดยมีคะแนนมากที่สุดแค่ 61 แต้มเท่านั้น ซึ่งแย่กว่าในยุคของ มอยส์ ที่เก็บได้ 64 แต้มเสียอีก

นอกจากนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีโอกาสจะกระเด็นหล่นไปจบในอันดับ 7 อีกต่างหาก ถ้า เวสต์แฮม สามารถเก็บชัยในเกมที่ยังเหลืออยู่ในมืออีก 2 นัดได้ทั้งหมด และนั่นหมายความว่า ผีแดงผู้เคยเกรียงไกรทั้งในเกาะอังกฤษ และภาคพื้นทวีปยุโรป จะต้องกระเด็นลงไปเล่นในฟุตบอลถ้วยใบเล็กสุดของภูมิภาคอย่าง ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก อีกต่างหากนะครับ.

แท ยอน