ในภาวะที่ทุกภาคส่วน ต่างได้รับผลกระทบจาก “โควิด-19” การผลักดันกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประโยชน์ประเทศ เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจ จึงเป็นสิ่งน่าชื่นชมและยกย่อง เพื่อให้ ประเทศไทยเดินหน้า ต่อไปได้ แม้ต้องเผชิญปัญหาอุปสรรคหนักมากแค่ไหนก็ตาม

กรณี “บิ๊กดีล” ที่เกิดขึ้น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อบริษัทชั้นนำของบ้านเรา PTTGC International (Netherlands) B.V. หรือ “GC Inter B.V.” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ “จีซี” ที่เข้าซื้อกิจการ Allnex Holding GmbH หรือ “allnex” กับ Allnex Holdings S.a.r.land Allnex S.a.r.l ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารของ Advent International หรือ “Advent” จึงถูกจับตามองจากหลายฝ่าย 

ยิ่งการเข้าไปซื้อกิจการจากธุรกิจชั้นนำระดับโลกในต่างประเทศ ด้วยมูลค่า 4 พันล้านยูโร คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 1.48 แสนล้านบาท ถือเป็นวงเงินที่สูงมากพอสมควร

ใครตามข่าวคงรู้ว่า “allnex” ถือเป็น ผู้นำระดับโลก ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานมากว่า 70 ปีในการผลิต Coating Resins และสาร Additives ที่ใช้สำหรับการใช้งานใน งานสถาปัตยกรรม อุตสาหกรรมทั่วไปสารเคลือบป้องกันในอุตสาหกรรมรถยนต์ เหล็ก และบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งสารเคลือบผิวและหมึกชนิดพิเศษ

บริษัทตั้งอยู่ที่ ประเทศเยอรมนี มีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้ว 275,000 ยูโร มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านยูโร หรือ 74,167.2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายโรงงานการผลิต 33 แห่งใน 18 ประเทศ ศูนย์การวิจัยและเทคโนโลยี 23 แห่ง และมี พนักงานรวมกว่า 4,000 คนทั่วโลก คาดว่าการขายกิจการ “allnex” ให้กับ “GC Inter B.V.” จะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 4 ปีนี้

ขณะที่ “ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง” ประธานบริษัท “จีซี” ออกมาแจกแจงถึงความร่วมมือทางธุรกิจครั้งสำคัญว่า “ภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต และตามเป้าหมายกลยุทธ์เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต ด้วยกลยุทธ์ Step Out ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจ ที่มีมูลค่าสูงและการแสวงหาโอกาส

เพื่อสร้างการเติบโตในต่างประเทศ และกลยุทธ์ Step Up ก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนด้วยการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งการขยายการลงทุนใน allnex ผู้นำอันดับหนึ่งของโลก ในอุตสาหกรรม Coating Resins ที่โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ ประวัติความเป็นมา และพันธสัญญา เพื่อเสริมสร้าง สถานะที่แข็งแกร่ง ยิ่งขึ้นในระดับนานาชาติ  อีกทั้งยังมีผลกำไรที่แข็งแกร่ง และยังเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รวมทั้งยังวางกลยุทธ์ใน การเจริญเติบโต 3 ด้าน อย่างชัดเจน ได้แก่ ความเป็นผู้นำในตลาด Coating Resins คุณภาพสูง มุ่งแสวงหาการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดใหม่ ๆ ดังนั้น เราพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทีมงาน allnex เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต เสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ และสร้างคุณค่า ให้กับสังคมร่วมกัน พร้อมทั้งให้การสนับสนุนชุมชนและสิ่งแวดล้อม

ด้าน “น.ส.ภัทรลดา สง่าแสง” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชีจีซี ได้ออกมายืนยันว่า  สำหรับสถานการณ์เงินของจีซี ปัจจุบันอยู่ ในระดับแข็งแกร่งมาก หลังปิดงบการเงินไตรมาส 1 ของปี 2564 มีเงินสดในมือ ประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ถ้านำเงินไปฝากก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาไม่ถึง 1%

ดังนั้น การได้ดีล allnex ที่มีมูลค่า 4,002 ล้านยูโร หรือ 148,000 ล้านบาท แม้จะมีมูลค่าสูง แต่เงินสดในมือก็มีเพียงพอ ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน และยังมีเงินจากการขายหุ้นกิจการไฟฟ้าของ GPSC ออกไปอีก 2.3 หมื่นล้านบาท

ส่วน มร.มิเกล แมนทัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร allnex  กล่าวว่า “เราภูมิใจในความสำเร็จของการสร้าง allnex ให้เป็นผู้เล่นระดับโลก (Global Player) และพร้อมที่ จะทำงานร่วมกับ “จีซี” เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและเติบโตไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ด้วยทรัพยากร เครือข่ายในอุตสาหกรรม และความชำนาญการใน ตลาดทวีปเอเชียแปซิฟิก ของ “จีซี” จะช่วยให้เราสามารถลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และ ขยายรากฐานความแข็ง แกร่ง สู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้เป็นอย่างดี”

ที่ผ่านมานอกจาก “จีซี” จะเป็นผู้นำธุรกิจด้านเคมีภัณฑ์  มีบทบาทสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อม การขยายบทบาทซื้อกิจการสำคัญของต่างชาติ ยิ่งจะช่วย เพิ่มศักยภาพองค์กร และสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับประเทศ ในภาวะที่ต้องต่อสู้กับ “โควิด-19” ด้วย.

———–
เขื่อนขันธ์