ความอยากรู้ อยากลองของกลุ่มใหม่ๆ การใช้ที่ไม่ถูกต้องของคนที่ใช้อยู่เดิม มีโอกาสผุดขึ้น “บนดิน” ให้เห็นได้ทั่วไป เพราะความเข้าใจว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด

ผลจากความเข้าใจนี้มีตัวอย่างให้เห็นบางส่วนที่เปิดขายอย่างเอิกเกริก

ในมุมประโยชน์ที่อาจพูดถึงน้อยกว่าในช่วงนี้ นั่นเพราะ “ประโยชน์” ไม่ได้สร้างผลกระทบ หรือข้อกังวล ทุกคนยอมรับผลการศึกษาอย่างถี่ถ้วนจนนำมาสู่การปลดล็อกเช่นวันนี้

ต่างจากการควบคุมการใช้ทางผิดอย่างสันทนาการ ไปจนถึงการควบคุมการเข้าถึงที่ไม่เหมาะสมกับกลุ่มบุคคลที่ไม่จำเป็น เช่น เด็กและเยาวชน

นั่นต่างหากที่วิตก!!!

แม้จะมีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565  ออกมาจำกัด “การเข้าถึง”  ในช่วงที่ ร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. ยังไม่ผ่านขั้นตอนการบังคับใช้เป็นกฎหมาย

โดยกำหนดให้อนุญาตเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา ขนย้าย จำหน่ายสมุนไพรควบคุม (กัญชา) ได้ 

ภายใต้ข้อยกเว้น ได้แก่

(1) การใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะโดยการสูบ

(2) การใช้ประโยชน์กับสตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร

(3) การจำหน่ายให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร

ทั้งนี้ อนุญาตให้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์กับผู้ป่วยได้ ในขณะที่ผู้ป่วยสามารถครอบครอง ขนย้าย ดูแล เก็บรักษา ใช้ประโยชน์ในปริมาณที่จ่ายให้สำหรับใช้ประโยชน์ 30 วัน

นอกจากนี้ ยังมีประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ.2565 และมีประกาศ เรื่อง กลิ่น ควันกัญชา กัญชงหรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ.2565 เพื่อห้ามการสูบ เสพในที่สาธารณะ

แต่ทั้งหมดดูเหมือนยังไม่เพียงพอรับมือสถานการณ์ “ล่อแหลม” จากการใช้เพื่อสันทนาการ…

ยกตัวอย่าง ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมากเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคือการขายกัญชาโจ่งแจ้งย่านถนนข้าวสาร แหล่งท่องเที่ยวกลางคืนยอดฮิตทั้งไทยและต่างชาติ  สะท้อนได้ดีถึงรูปแบบที่นำไปใช้ว่าคงไม่ใช่…เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์

โดยเฉพาะการม้วนเพื่อสูบ คล้ายบุหรี่ หรือเรียกอีกอย่างว่า “พันลำ” บางพื้นที่นำขายแบบโจ่งครึ่ม สร้างความกังวลให้กับผู้พบเห็นและเกิดความสับสนเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่น่าจะต้องเพิ่มการกวดขันให้มากขึ้น

ยิ่งในช่วงแรกๆ แม้เข้าใจว่าเป็นธรรมดาที่การตีความหรือความเข้าใจของประชาชนแต่ละกลุ่มยังไม่ชัดเจน ประกอบกับกฎหมายที่จะนำมาใช้เพื่อควบคุมเป็นการเฉพาะยังไม่เคาะออกมา

โจทย์ของความสับสน อลเวง จึงมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ

เบื้องต้น ในส่วนร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ กำลังเร่งผลักดันให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อนำเข้าสู่ชั้นการพิจารณาของสภาพิจารณาเป็นกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายเฉพาะที่ยังไม่ออกมา ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะ “เบาใจ” การใช้แบบผิด ๆ หรือควบคุมการเข้าถึงในกลุ่มห้ามใช้ได้ 100% 

สุดท้ายการเฝ้าระวังกันเองในครอบครัวและสังคม เมื่อพบเห็นความผิดปกติ สุ่มเสี่ยง ล่อแหลม และความเข้มงวดกับพฤติกรรมฝ่าฝืนประกาศที่นำร่องออกมาก็น่าจะยกระดับความเข้มข้น พอประคับประคองให้ผ่านสุญญากาศไปก่อนได้.             

ทีมข่าวอาชญากรรมรายงาน

[email protected]